โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 132 โดยสิงหล 9 ธ.ค. 58
อาหารที่หลวงพ่อฉัน ท่านไม่เคยเลือก ไม่ว่าจะเป็นอาหารคาว อาหารหวาน หลวงพ่อไม่เคยบอกว่า จะฉันอะไร มีอะไรถวายท่านมา ท่านก็ฉันอย่างนั้น ท่านไม่เคยบอกเลยว่าจะให้จัดแกงอะไรมาถวาย ฉันง่าย แม้กระทั่งแม่ครัวหุงข้าวแล้วข้าวดิบ ไม่สุก แข็ง หลวงพ่อก็มีเมตตา พูดไม่ให้เสียน้ำใจ บัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น คือมีอยู่วันหนึ่งแม่ครัวนึ่งข้าว แล้วก็นึกว่าสุกแล้ว ไม่ได้เขี่ยดู ก็เตรียมไปถวายหลวงพ่อ พอไปถึงหลวงพ่อบอกว่า แม่ครัวช่วยเปลี่ยนข้าวให้หน่อย ข้าวมันแข็ง พอเรามาดูปรากฏว่าข้าวแข็ง ทั้งดิบ แต่หลวงพ่อท่านไม่ได้ตำหนิ อะไรเลย ท่านมีเมตตามาก
เวลาเรายกสำรับเข้าไป ถวายหลวงพ่อ วันนั้นหลวงพ่อเอ่ยปากว่า อยู่ไม่ได้แล้ว ตอนนั้นหลวงพ่อป่วยอยู่ แต่ก็ยังอยู่ต่อมาได้อีก 3 ปี นั้นเป็นบารมีของหลวงพ่อ มีคุณหมอเลียว ผู้อำนวยการเจ้ากรมแพทย์ ซึ่งเป็นน้องของคุณแม่ท้วม มาคอยดูแลหลวงพ่อ จำได้ว่าตอนที่หลวงพ่อ เริ่มจะป่วย หลวงพ่อนัดประชุมทั้งวัด ทั้งพระภิกษุ สามเณร แม่ชี ลูกศิษย์วัด หลวงพ่อขอให้ทุกคนเป็น เจ้าภาพเลี้ยงพระ ให้เลี้ยงปีละ 1 วัน วันไหนก็ได้ ให้ไปชวนพ่อแม่ญาติพี่น้อง ให้ครบ 365 วัน ตอนนั้นพระครูปัญญาภิรัติคิดว่าหลวงพ่อจะปลงสังขารแล้ว ก็ขออาราธนาให้หลวงพ่อ อยู่นานๆ ตอนนั้นประชุมกันที่ศาลาเก่า หลวงพ่อเป็นผู้ริเริ่ม โครงการเลี้ยงพระ เป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารพระประจำวัน สำหรับตัวฉันทำให้พ่อ 1 วัน ให้แม่ 1 วัน ปีหนึ่งทำ 2 วัน
ปฏิปทาของหลวงพ่อดีมาก คือ ท่านส่งเสริมทั้งด้านปริยัติ และด้านปฏิบัติ ท่านจะเน้นเรื่องทำวิชชา สอนธรรมะเป็นหลัก ใครสอบได้เป็นมหาเปรียญ หลวงพ่อจะถวายผ้าไตรให้ ส่วนพวกที่ธรรมกายทำวิชชาในโรงงาน หลวงพ่อจะมีค่าใช้จ่ายให้ คือหัวหน้าเวรจะได้ 300 บาท ลูกเวรจะได้ 25 บาท เป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต หลวงพ่อจะเน้นเรื่องการฝึกคน สอนคน ท่านไม่เคยไปขอร้องใคร มีแต่คนจะมาให้หลวงพ่อช่วย สมัยข้าวยากหมากแพงก็อดทนกันไป แต่ข้าวปลาอาหารก็ขาด พอข้าวจะหมด ก็ไปบอกหลวงพ่อ ท่านก็บอกว่ากำลังมา วันรุ่งขึ้นข้าวมาส่งให้จริงๆ
(เรื่องเล่าโดย แม่ชีธัญญาณี สุดเกตุ บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)