โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 120 โดยสิงหล 27 พ.ย. 58
รุ่งเช้าขึ้น ก็ออกลาเขากลับ เดินมา 2 คน เราจะไปซื้ออาหารการกิน ที่ไหน ร้านข้าวแกงก็ไม่มี วันนี้คงจะอดข้าว
นึกดำริอยู่ในใจ
ไปเจอทันลุงอี้ หรือลุงอี๋นี่แหละ แกให้ลูกสาวมาคอยดักอยู่ ที่ถนนว่า ลูกสาวเขานะชื่อแม่ช้วน มาคอยดัก ก็ชวนดิฉัน 2 คนกับพี่เลี้ยง ให้มาทานอาหารที่บ้านเขา
ก็มองดูหน้าชีเธียร ก็นึกดำริในใจว่า กลัวจะไปทานอาหารเขา มากเกินไป ตั้งใจว่าจะตักข้าวทัพพีเดียว ก็อิ่มแล้ว จะอิ่มไม่อิ่มก็อิ่มละ ทานน้ำเข้าไปพอหนักท้อง
รับประทานอาหารเสร็จแล้ว คุยอยู่สักประเดี๋ยว ก็ลามา บอกว่า จะหาที่พักที่ไหนได้ เขาก็จัดแจงบ้านลุงอี้ ที่รับประทานอาหารบ้านเขา เขาจัดแจงให้พักอยู่ในครัว แหมรู้สึกขอบคุณแก ดีใจเกือบแย่ที่ได้พัก
ไปพักอย่างนั้น อาหารก็ไม่มีจะรับประทาน ก็ข้าวสารมีไปมีกะปิไป มีกล้วยตากไป กับข้าวก็ไม่มี
ชีเธียรที่ไปกับดิฉัน ไปเก็บใบแคดอกแคเอามาต้ม จิ้มน้ำพริก แล้วก็รินน้ำข้าวที่หุงเป็นน้ำแกง เขาก็จิ้มน้ำพริกเอาใบแคต้ม จิ้มน้ำพริกรับประทานกับอาหาร ซดน้ำข้าวโฮกเข้าไปอีกเหมือนกัน
ฉันถามชีเธียรที่ไปด้วยกันว่า อร่อยมั๊ย ดีมั๊ย แค่ถามเขาว่าดีมั๊ย น้ำตาคลอหน่อยเชียว นึกว่าต่อไปจะกันดารแค่ไหน ก็ไม่รู้
เก็บใบแคที่ต้นเก็บหมด เก็บดอกกับใบอ่อน เก็บฝักจนหมด จนมีแต่ใบแก่
ตัวดิฉันเองจะออกมุขท่าไหนให้คนมาเรียน มีพระมาสอนสององค์สามองค์
ตกกลางคืน มีผู้ชายมาเรียนคนหนึ่ง มีน้ำมันพราย มีผงมาด้วยนะ จะมาใส่ยายชี
ฉันเลยบอกว่า อย่าได้เล่นของพรรณอย่างนี้ เป็นของร้อนเป็นของที่เป็นบาป เป็นของที่ต้องโทษ ให้เอาไปทิ้ง ไปฝังซะเถอะ อย่าเอามาเล่นเลย หาของอย่างนี้ไม่มีประโยชน์ มีแต่บาปมีแต่โทษติดตนเองไป เราจะอยู่กี่มากน้อยจะละโลกไป อย่าเลยนะคะ ในเรื่องพรรณอย่างนี้
ที่ฉันมาสอนมันเป็นน้ำใจจริงๆ ของในเรื่องบาปอย่าเอามาเข้ากับบุญมันเข้าไม่ได้หรอก ก็บอกแกว่าอย่างนั้น แกจะเชื่อหรือไม่ก็เป็นเรื่องของแกแหละ
(เรื่องเล่าโดย แม่ชีทองสุข สำแดงปั้น บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)