บุคคลยุคต้นวิชชา ๒ หลวงปู่เครื่อง สุภทฺโท วัดสระกําแพงใหญ่ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ 0148-0152

หลวงปู่เครื่อง สุภัทโท แห่งวัดสระกําแพงใหญ่ จ.ศรีสะเกษ

ท่านเป็นพระสงฆ์ซึ่งปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นที่ตั้งของศรัทธาของชาวจังหวัดศรีสะเกษ และสาธุชนจากทั่วประเทศ วันที่เราไปสัมภาษณ์ หลวงปู่เครื่องนั้น ได้มีญาติโยมมากราบท่าน เอามะพร้าวมาถวายพร้อมปรึกษาเรื่องราวต่างๆ ท่านให้ความเมตตา เป็นกันเองกับญาติโยมเป็นอย่างมาก ท่านเป็นศูนย์รวมจิตใจ ศูนย์รวม ศรัทธาของสาธุชนจริงๆ และท่านก็เมตตาเล่าให้ฟังถึงการที่ได้ไปพบ หลวงพ่อสดว่ามีความเป็นมาอย่างไร ซึ่งน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง

ตอนนั้นอาตมาอายุประมาณ ๔๒ ปี บังเอิญอาตมาได้เอาเณรเล็กๆ ไปฝากเพื่อศึกษาเล่าเรียนที่วัดปากน้ํา เพราะเป็นสํานักเรียนที่สอนได้ เยอะและมีการปฏิบัติธรรมด้วย จึงได้ให้เขาปฏิบัติและศึกษาเล่าเรียน ด้วยความคิดถึงเณรก็เลยไปเยี่ยม พอไปถึงวัดปากน้ำ ก็เจอมหาสม

มหาสมบอกว่าต้องรอฉันเช้าเสร็จก่อนจึงจะเข้าไปนมัสการหลวงพ่อได้ พอเราฉันเช้าเสร็จก็ไปนมัสการท่าน พบท่านที่หน้ากุฏิ ตอนนั้นเราเองก็ ไม่สํารวมเคยสูบบุหรี่ ก็เลยสูบให้ท่านเห็น ท่านก็ยิ้มๆ ไม่ได้ว่าอะไร ท่าน ก็ถามว่า “มาจากไหน” “มาจากวัดสระกําแพงใหญ่ครับ” ก็ตอบท่านไป

“ไปยังไงมายังไงล่ะ” “เคย เอาเณรน้อยมาฝากไว้กับ หลวงพ่อครับ” ท่านก็ว่า “เออดี” “แล้วบวชมากี่ปีแล้วละ” ท่านถามต่อ “บวช มา ๒๒ ปีแล้วครับ” “โอ้... ๒๒ ปีแล้ว อย่างอื่นทําไม อดได้ล่ะ แล้วบุหรี่นี่มัน

วิเศษวิโสเหรอ” ท่านก็ว่า แค่นี้แหละ

เราก็บอกกับท่าน ว่า “กระผมอยากมาอบรม ธรรมกายกับหลวงพ่อบ้างครับ” แล้วท่านก็ให้ไปอยู่ เนกขัมมะ

พอดีมีโยมแม่ชีที่เป็นหัวหน้าแม่ชี รู้สึกจะชื่อแม่ชีสอน เห็นเรานั่งธรรมะก็เลื่อมใส มอบ กุฏิให้หลังหนึ่ง และปวารณาเรื่องอาหารการกิน แล้วก็ได้ฟังหลวงพ่อเทศน์ หลวงพ่อท่านต้องการจะเลี้ยงพระเณรทุกองค์ ก็นิมนต์มาฉันที่ศาลากัน หมดทุกองค์ เราก็คิดว่าเอายังไงดี จึงตัดสินใจว่า เราต้องเคารพหลวงพ่อดีกว่า จึงลงมาฉันที่ศาลา พอโยมแม่ชีมา ไม่เห็นเราฉันที่กุฏิก็เลยบอกว่า “ไม่ได้ๆ ฉันปวารณาแล้ว อยากนิมนต์ให้ท่านฉันที่นี่จะได้ปฏิบัติธรรมสบายๆ” เราก็เลยปฏิบัติอยู่ที่กุฏิ

นั่งสมาธิอยู่ที่กุฏิวันแรก เรายังสูบบุหรี่อยู่ วันที่สองเราก็เหนื่อย... เอ๊...คิดแล้วก็ขําๆ นะ เราจะต้องทิ้งดีกว่า บุหรี่ไม่วิเศษวิโสอะไรเลย อย่างอื่นวิเศษวิโสยังทนได้ตั้ง ๒๒ ปี เราก็เลยตัดสินใจทิ้ง มันหิวโหย

ก็นั่งสมาธิ ก็ทนไป วันที่ ๔ ก็หิวอีก ก็ไม่เอาตัดสินใจตายเป็นตาย ทิ้ง

บุหรี่ลงคลองเลย ปฏิบัติอยู่กับหลวงพ่อได้ ๑๕ วัน ก็ลาท่าน ออกมาเดินธุดงค์ไปอยู่บนเขา คราวหลังมา ได้ยินคนเล่าว่า หลวงพ่อท่านพูดตอนท่านเทศน์บอกว่า “พระได้ธรรมกาย ไปอยู่เขาแล้ว”

เพราะหลวงพ่อวัดปากน้ําทําให้เราเลิกบุหรี่ได้ ตั้งแต่นั้นมาไม่สูบอีกเลย หลวงพ่อท่านเทศน์เรื่องอาหาร ทางกาย ทางใจ อาหาร

ทางใจก็คือ “ธรรมะ” วัตถุต่างๆนั้นคือ “อาหารทางกาย” ปัจจุบันก็ได้ เอาหลักที่ท่านสอนมาเอามาใช้ เราฟังธรรมะกับท่านทุกๆ วัน ๑๕ วัน ตอนกลางคืนนั่งสมาธิ ตอนนั้นก็มีพระมหาเจียก ท่านเป็นคนพาไปนั่ง ตอนกลางคืน สมัยนั้นเรียกได้ว่าเรายังเมาอยู่ ก็ไม่ได้เรื่องอะไรเท่าไหร่ กําลังเริ่มปฏิบัติ

ถ้าสมัยนั้นไม่ได้หลวงพ่อสด โรคอาจจะเอาเราไปฝังแล้ว เพราะ เราสูบบุหรี่จนคอเป็นแผล และไอ ตอนนี้ก็ค่อยดีขึ้น กินยามันก็ระงับไป ถ้าไม่เจอหลวงพ่อสดก็คงต้องไปแล้ว ก็นึกถึงพระเดชพระคุณอยู่ทุกๆ วัน ครูบาอาจารย์องค์แรกก็เจอหลวงปู่มั่น เจอท่านวันเดียวเท่านั่นแหละ พอดีจะกลับไปอยู่สกล ไปเจอท่าน

เริ่มแรกท่านก็เทศน์เรื่องจิต จิตโตวิมุต การทําให้มาก ตื่นให้มาก นั่งให้มาก กินน้อย นอนน้อย นั่งให้มาก หลวงปู่มั่นท่านพูดเรื่องจิต หลวงพ่อสดท่านจะพูดเริ่มตั้งแต่สมถะ เริ่มตั้งแต่ชั้นพื้นฐานก่อน

ให้รักษาศีล สมาธิมันจะเกิด มีสติให้มั่นแล้วก็บริกรรมภาวนา

และตรวจดูให้ศีลบริสุทธิ์ บริบูรณ์ซะก่อน ศีลเป็นพื้นฐาน เหมือนกับเราสร้าง บ้าน ต้องวางแผนผังรากฐานให้มั่นคง สมาธิจึงจะเกิดขึ้นได้ ถ้าศีล ด่างพร้อยไม่บริสุทธิ์ บริบูรณ์ สมาธิก็จะไม่เกิด เหมือนเราปลูกต้นไม้ ไม่มีน้ำ มันก็ขึ้นไม่ได้

สมาธิก็เหมือนกัน สําคัญต้องอาศัยศีลเป็นพื้นฐาน เราจะ สามารถรู้ธรรมะได้เร็ว มันจะเกิดเป็นเห็นเอง รู้เอง จะเห็นกายเราเอง เห็นจิตเราเอง

หลวงพ่อวัดปากน้ําบอกว่า มันจะเกิดขึ้นเมื่อศีลบริบูรณ์ เมื่อ ศีลบริบูรณ์ สมาธิบริสุทธิ์ มันสงบเรียบร้อยไม่ดิ้นรนแล้วปัญญาจะ เกิดขึ้น เหมือนกับต้นไม้ เมื่อเราให้น้ํากะปุ๋ยดีๆ เดี๋ยวก็จะออกดอกผลให้ ใช้ได้


ปลุกเสกพระ

อำนาจจิตถ้าคิดเห็นเป็นสมาธิ สร้างพระผงมันก็ขลัง ท่าน บอกว่าปลุกเสกพระนะ ไม่ต้องนานหรอก ปลุกเสกพระนะ ปลุกเสกไป จิตไม่เป็นสมาธิมันก็ไม่ขลัง ถ้าจิตของเราเข้าสมาธิ เพียงแค่งูแลบ ลิ้นก็ขลังแล้ว วิเศษแล้ว