พระครูปรีชาปริยัติกิจ พระมหาเฉลียว กัลยาโณ ป.ธ.๔
พระครูปรีชาปริยัติกิจ (พระมหาเฉลียว กัลยาโณ ป.ธ. ๔) เจ้า อาวาสวัดศิลามูลในปัจจุบัน แม้อายุของท่านจะล่วงเข้า ๘๐ ปีแล้ว แต่วัน เวลาก็ไม่ได้ทําให้ความทรงจําอันดีงาม และความซาบซึ้งในพระคุณของ หลวงพ่อวัดปากน้ําลบเลือนไปจากดวงใจของท่านเลย ท่านได้เล่าถึง หลวงพ่อวัดปากน้ํา ให้ฟังด้วยน้ําเสียงแจ่มใส ชัดเจน ประหนึ่งว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมากว่า 50 ปีนั้น เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง
เดินตามรอยเท้าหลวงพ่อแล้วร่มเย็นตลอด
อาตมาบ้านเดิมเป็นคนตําบลสวนแตง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี แต่เดิมมีหลวงพ่อ องค์หนึ่ง ชื่อหลวงพ่อโพธิ์ (ปัจจุบันมรณภาพไปแล้ว อายุ ๙๐ กว่าๆ ) ท่านเป็นพระภิกษุอยู่ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ หลวงพ่อโพธิ์ท่านเคยเจอหลวงพ่อสด ตอนมาสอนภาวนาที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ช่วงแรกที่หลวงพ่อสดมา ท่าน
เห็นเด็กเอาวัวมาเลี้ยงที่บริเวณวัด ซึ่งใต้พื้นดินนั้น หลวงพ่อสุดเห็นมี
พระพุทธรูปอยู่ จึงบอกเด็กๆ ว่าอย่า เอาวัวไปเลี้ยงตรงนั้น เพราะมีพระ
พุทธรูปอยู่เดี๋ยวจะเป็นบาป คนแถวนั้นไม่เชื่อ พอขุดลงไปเจอพระพุทธรูปจริงๆ จึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธาหลวงพ่อสดเป็นอันมาก มาเรียนภาวนากันมากเลย ขนาดข้าหลวง ข้าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีก็ยังไป ขึ้นกับหลวงพ่อสด
ภายหลังทางสมุทเทศาภิบาลเห็นคนไปปฏิบัติกันมาก เกรงว่าจะเป็นการซ่องสุมกําลัง ทางสมเด็จพระวันรัตจึงขอให้หลวงพ่อสด ท่านไปอยู่วัดโพธิ์ แล้วต่อจากนั้นท่านก็ไปได้ธรรมกายที่วัดโบสถ์ (บน) บางคูเวียง หลังจากเจ้าอาวาสวัดปากน้ําว่างลง สมเด็จพระวันรัตก็ให้ หลวงพ่อสดไปปกครองดูแลวัดปากน้ํา หลวงพ่อโพธิ์เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อสด ได้เรียนกรรมฐานกับหลวงพ่อสดด้วย
เมื่ออาตมาบวชเป็นสามเณร ที่วัดโคกยายเกตุ จ.สุพรรณบุรี ตอนนั้นอายุ ๑๘ ปี ปี พ.ศ. ๒๔๔๐ เมื่อบวชแล้วหลวงพ่อโพธิ์เรียกให้ไป อยู่ด้วย ท่านเล่าเรื่องหลวงพ่อสดให้ฟัง
ครั้งสมัยที่หลวงพ่อมา วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อาตมาตอนนั้นยังเป็น
เด็กแต่ก็เกิดความศรัทธา อยากจะไปพบหลวงพ่อสด ตอนไปอยู่ที่วัดปากน้ํา ไม่ได้ตั้งใจไปอยู่วัดปากน้ํา จะไปอยู่วัดอินทรมหาวิหาร แต่มีคนชวนไปอยู่วัดปากน้ํา พอทราบว่าหลวงพ่อสดอยู่วัดปากน้ํา ก็ตั้งใจ ไปอยู่ที่นั้น ไปครั้งแรกปี พ.ศ.๒๔๘๑ มีพระที่ไปด้วยกัน ๓ รูป ไปถึงก็ กราบหลวงพ่อ แจ้งความประสงค์ว่าจะมาเรียนนักธรรม เรียนบาลี ท่านก็รับไว้
อยู่วัดปากน้ําก็เริ่มเรียนนักธรรม หลวงพ่อท่านให้เจ้าคุณ สมเด็จช่วงไปสอน ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นมหา อาตมาก็เรียนหนังสือด้วย กัน เรียนบาลีเป็นแห่งแรก ปีแรก หลวงพ่อท่านก็มาดูแลด้วย สมัยนั้น พระเณรยังมีไม่มาก หลวงพ่อท่านสอนด้วย พออยู่มาได้ ๔-๕ ปี แล้ว ก็บวชเป็นพระภิกษุ โดยไป บวชที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
หลวงพ่อไม่ได้บวชให้เพราะท่านยังไม่ได้สอบเป็นพระอุปัชฌาย์ บวชปี พ.ศ.๒๔๘๕ ช่วงนั้นพระเณรวัดปากน้ําเริ่มมีมากขึ้น พระมี ๒๐๐ กว่ารูป เณรมี ๑๐๐ กว่ารูป แม่ชีก็มี ๑๐๐ กว่า
ตัวอาตมาไม่ได้เข้าไปนั่งปฏิบัติในโรงงานทําวิชชา แต่ก็รู้จักแม่ชีที่เข้าปฏิบัติในโรงงาน ก็เห็นที่มารุ่นแรกๆ กับอาตมาก็มีแม่ชีทองสุข แม่ชีจันทร์ แม่ชีถนอม แม่ชีญาณี แม่ชีปุก ที่มาพร้อมอาตมา มีปีเดียวกัน พ.ศ.๒๔๘๑ ก็มี แม่ชีฉลวย แม่ชีตรีธา ส่วนแม่ชีปุก แม่ชีเธียร ตามมาในภายหลัง หลังจากที่สอบได้เปรียญธรรม อาตมาก็ทําหน้าที่สอนไปด้วย
เรียนไปด้วยคู่กันส่วนสมเด็จช่วงไปอยู่วัดเบญจมบพิตรเรียนจนจบประโยค ๙ ที่นั้น อาตมาเรียนจนได้ประโยค ๔
ซึ่งเป็นช่วงที่กําลังมีสงคราม เวลา มีเครื่องบินมาทิ้งระเบิดก็จะเห็นเครื่องบิน บินอยู่เต็มฟ้า ผู้คนหลบมา พึ่งบารมีของหลวงพ่อเต็มวัดปากน้ํา โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนคนจะหลบภัยกันมาก หลวงพ่อบอกว่า “ระเบิดไม่ลงหรอกที่นี่ ไม่ทิ้งหรอก ระเบิดจะไปทิ้งที่ฝั่งพระนคร” มี ๒ ครั้ง ที่ระเบิดสะเทือนมาถึงวัด ปากน้ํา คือตอนที่เครื่องบินทิ้งระเบิดที่วัดประยูร และทิ้งแถวตลาดพลู แต่วัดปากน้ําไม่มีอะไรเสียหาย ในปีนั้นที่มีสงคราม วัดปากน้ํามีอาตมา สอบได้องค์เดียว หลวงพ่อท่านสวดชยันโตให้ แล้วหลวงพ่อก็เลยเอา เราไปคอยรับใช้ท่าน หลวงพ่อท่านคอยให้รับพระให้ท่าน หลวงพ่อเล็กให้ รับเณร เวลาพระจะมาขออยู่วัดปากน้ํา หรือเวลาลงโบสถ์ก็จะช่วยตรวจรายชื่อว่าใครมา ใครไม่มา เวลามีกิจนิมนต์อะไรต่ออะไร หลวงพ่อ ท่านมีอะไรท่านก็จะเรียกเราให้เรานิมนต์พระให้ท่าน เวลาหลวงพ่อลงโบสถ์ทุกเช้า พระครูปัญญาภิรัตจะคอยตรวจพระ พระครูธนิตตรวจเณร แล้วหลวงพ่อท่านก็จะนั่งเป็นประธาน ท่านให้โอวาทอย่างเดียว
อาตมาประทับใจเรื่องเทศน์ของหลวงพ่อมากที่สุดก็เรื่องเกี่ยวกับ
การทําภาวนาให้ถึงธรรมกาย ที่มารุ่นเดียวกับอาตมาตอนนี้มรณภาพ หมดแล้ว เหลืออยู่รูปเดียวคือสมเด็จช่วง การรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อ หลวงพ่อจะให้อาตมานิมนต์พระที่ไปกับท่าน กิจนิมนต์มีฉันเช้า ฉันเพล มีคนนิมนต์ไปท่านก็ไป ไปฉันไม่เทศน์หรอก ท่านไปก็ไปนั่งสวดมนต์
มี ครั้งหนึ่งอาตมาไปกับหลวงพ่อไปฉันเพลแถววงเวียนใหญ่ พอไปถึงบ้านโยม หลวงพ่อก็สวดมนต์ ฉันเสร็จแล้วก็กลับวัด ถ้าขอพระของขวัญท่าน ท่านไม่ให้ไม่ได้ติดย่ามไป จะเอาให้ไปเอาที่วัด เวลากิจนิมนต์ไปงานแต่ง ท่านก็ไปสวดชยันโตและให้โอวาท อาตมาเคยไปกับท่าน ในงานพิธีที่ เมืองนนท์ มีหญิงสาวของโยมที่มาช่วยงานที่วัดปากน้ํา เคยมาอยู่วัดปากน้ํา ชื่อ เจียม พอย้ายออกไปอยู่ข้างนอกก็ไปแต่งงานที่เมืองนนท์ เขาก็มา นิมนต์ไปงาน หลวงพ่อท่านก็สวดชยันโต
และให้โอวาทคู่บ่าวสาว ให้บท
ฆราวาส ๔
สัจจะ ทมะ
ขันติ จาคะ
แล้วท่านก็ขยายความให้มีสัจจะซึ่งกัน ให้อด ทนกันขยายธรรม เหมือนในพระไตร ปิฎก ให้โอวาทเสร็จ ท่านก็กลับ
ทุกวันนี้อาตมาก็นําแบบการ อย่างที่หลวงพ่อสอน
มาใช้ เวลามีญาติโยมนิมนต์ไปงานแต่งงานก็ใช้บทฆราวาสธรรมเหมือนกัน
อาตมารู้จักหลวงตาสังวาลย์ที่มาจากวัดบางปลา มาเป็นผู้ปกครอง ที่วัดผาสุการาม มาสร้างศาลาขึ้น ซึ่งสมัยนั้นหลวงพ่อสด ท่านได้มา ช่วยสร้างศาลาและเทศน์ให้ญาติโยมฟังด้วย หลวงตาสังวาลย์เมื่อสร้าง ศาลาเสร็จก็กลับไปปฏิบัติกับหลวงพ่อในโรงงานทําวิชชา อยู่วัดปากน้ํา จนมรณภาพ เป็นพระภิกษุที่มาจากวัดบางปลา สมัยที่หลวงพ่อสดไป สอนธรรมครั้งแรกที่วัดบางปลาเป็นหนึ่งในบรรพชิตที่เป็นธรรม
แล้ว ก็ตามหลวงพ่อสดมาอยู่วัดปากน้ํา
อีกองค์หนึ่งที่มาจากวัดบางปลาคือ สามเณรจําเนียร ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของหลวงพ่อสดมาก เพราะเป็น เณรที่คล่องแคล่วดี ตอนบวชเป็นพระ หลวงพ่อยังมาเป็นคู่สวดให้ที่วัด บางปลาด้วย หลังจากบวชแล้วก็ตามหลวงพ่อกลับไปอยู่วัดปากน้ําไป ช่วยทําวิชชาในโรงงาน
องค์ที่หลวงพ่อส่งมาเป็นเจ้าอาวาสวัดลําพญา ปัจจุบันนี้ทั้ง ๒ องค์มรณภาพไปแล้ว อีกองค์เป็นคนวัดไผ่หูช้าง บางเลน ชื่อหลวงพ่อใส บวชที่วัดไผ่หูช้างแล้วก็ไปเรียนวิชชาธรรมกายกับหลวงพ่อ สดที่วัดปากน้ํา องค์นี้เก่งด้านวิชชา หลวงพ่อสดส่งไปสอนธรรมที่ จ.ระยอง อยู่ทําวิชชากับหลวงพ่อสดจนหลวงพ่อมรณภาพ หลังจากนั้นท่านก็กลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัด ไผ่หูช้าง ปัจจุบันก็มรณภาพแล้ว
การมาอยู่วัดศิลามูลแห่งนี้ ก็เพราะหลวงพ่อสดส่งให้มา อาตมาอยู่กับหลวงพ่อถึงปี พ.ศ.๒๔๙๗ สมเด็จพระวันรัตไปขอหลวงพ่อวัด ปากน้ําให้อาตมามาอยู่ที่วัดศิลามูล บอกว่าว่างเจ้าอาวาส หลวงพ่อจะ ส่งองค์อื่นมา แต่สมเด็จพระวันรัต ปฏิเสธ ท่านไม่เอาองค์อื่น หลวงพ่อ สดก็เรียกอาตมาไปคุยถึง ๓ ครั้ง อาตมาก็จะไม่เอาเหมือนกัน ครั้งสุดท้ายท่านบอกเออให้ไป พอดีรับปากกับเขาแล้ว เมื่อตกลงก็ต้องไป
สมเด็จพระวันรัตท่านมาส่งขึ้นรถไฟ ที่งิ้วราย แล้วมาลงเรือตามแม่น้ํา ท่าจีน จากงิ้วรายมาถึงวัด ๔ ชั่วโมง คือสมเด็จป๋าต้องไปขอหลวงพ่อสดถึง ๓ ครั้ง อาตมาก็ทําตามคําสั่งของหลวงพ่อสด มาครั้งแรกก็มีพระลูกวัด ๒๕ รูป ดูแลทํานุบํารุงพระศาสนา
อาตมานําหลักการสอนของหลวงพ่อมา ใช้ในการสร้างวัด บริหารวัด ทุกวันพฤหัสบดีก็สอนภาวนา เอาวิชชา ธรรมกายของหลวงพ่อสดมาสอน เหมือนที่วัดปากน้ํา ตอนนี้อาตมาก็อายุ ๘๐ ปีแล้ว พึ่งเงาเดินตามรอยเท้าหลวงพ่อแล้วชีวิตร่มเย็นตลอด