บุคคลยุคต้นวิชชา ๒ พระเทพกิตติปัญญาคุณ 0115-0125

“สร้างคนนั้นสร้างยาก เรื่องเสนาสนะไม่ยาก

ใครมีเงินก็สร้างได้

แต่ความสําคัญต้องสร้างคนก่อน”

หลวงพ่อวัดปากน้ํา ภาษีเจริญ ได้กล่าวถ้อยคําประโยคนี้ และ ท่านก็ได้ปฏิบัติตาม ความตั้งใจของท่านด้วยความมุ่งมั่น จริงจังมาตลอด ชีวิต ท่านได้ก่อกําเนิดศาสนทายาท ผู้เป็นกําลังสําคัญทั้งในการเผยแผ่ และธํารง พระพุทธศาสนาให้เจริญยั่งยืนจํานวนมากมาย โดยเฉพาะต้น กล้าแห่งธรรมของท่านต้นนี้ที่เจริญเติบโตแผ่ขยายเป็นร่มเงาแห่งธรรม อันยิ่งใหญ่ เป็นที่พักพิงใจของพระภิกษุสามเณรและพุทธศาสนิกชน จํานวนมากทั่วประเทศ

บุคคลยุคต้นวิชชาที่จะกล่าวถึงนี้ก็คือ พระเดชพระคุณพระเทพ กิตติปัญญาคุณ หรือหลวงพ่อกิตติวุฑโฒ ผู้ก่อตั้งจิตตภาวันวิทยาลัย จ.ชลบุรี อันเป็นสถานที่ฝึกอบรมพระภิกษุ สามเณร ในการศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย และ เผยแผ่พระพุทธศาสนาซึ่งคน ทั่วประเทศต่างรู้จักกันดี พระเดชพระคุณพระ เทพกิตติปัญญาคุณ ได้ ถ่ายทอดเรื่องราวเมื่อครั้งเคยอยู่กับหลวงพ่อวัดปากน้ํา ภาษีเจริญ ให้ฟังด้วยความเมตตาว่า

เริ่มต้นชีวิตที่อาตมารู้จักหลวงพ่อวัดปากน้ํา สมัยนั้นยังเป็นเด็ก หลวงพ่อวัดปากน้ําท่านเคยไปปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดบางปลา อ.บางเลน คือ หลังจากหลวงพ่อวัดปากน้ํา ท่านบรรลุธรรมที่วัดโบสถ์ (บน) บางคู เวียงแล้ว ท่านได้เห็นภาพของบุคคลที่จะบรรลุธรรมตามท่านได้มีพระ ๓ รูป และคฤหัสถ์อีก ๔ คน แล้วอาตมาก็มารู้จักหลวงพ่อวัดปากน้ําตอนท่าน ไปวัดผาสุการาม ซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่า วัดใหม่ อยู่ที่บางเลน โดยวัด ใหม่แห่งนี้หลวงพ่อท่านได้ส่งลูกศิษย์รุ่นแรกของท่านคือ พระอาจารย์ สังวาลย์ (เป็นพระภิกษุ ๑ ใน ๓ ที่บรรลุธรรมที่วัดบางปลา) ไปเป็น เจ้า อาวาส แล้วหลวงพ่อไปวางศิลาฤกษ์เพื่อสร้างโบสถ์ และได้มอบพระของ ขวัญให้พระอาจารย์สังวาลย์ไปลังหนึ่ง พระของขวัญรุ่นที่ ๒ สําหรับให้ เป็นของขวัญแก่ผู้บริจาคทรัพย์สร้างโบสถ์ หลังจากหลวงพ่อท่านมอบ พระของขวัญ วางศิลาฤกษ์แล้ว งานก็หยุดชะงักไม่ได้ก้าวหน้าไปไหน อยู่ ในสภาพอย่างนั้น เพราะหลวงพ่อท่านเริ่มอาพาธ


อาตมาเองสมัยเป็นฆราวาส ไม่ค่อยอยู่บ้าน ออกไปค้าขาย จน กระทั่งกลับมาบ้านพออายุครบบวช เกณฑ์ทหาร โยมทางบ้านก็ขอให้บวช ลูกชายทุกคนต้องบวชเป็นพระ โยมตั้งใจไว้อย่างนั้น ลูกผู้ชายต้องบวช พระทุกคน อย่างน้อย ๑ พรรษา

แต่ทีนี้แรกๆ อาตมาเองไม่ชอบบวช ยังไม่ยอมบวชโยมก็อ้อนวอน ขอให้บวช สาเหตุที่ไม่ยอมบวชก็เพราะว่าอาตมาเข้าวัดมาตั้งแต่เด็ก อายุ ๘ ขวบก็เข้าวัด ไปวิ่งเล่นเป็นเด็กวัด คุ้นเคยกับวัดอยู่แล้วและชอบอ่าน หนังสือธรรมะมาตั้งแต่เด็ก เดิมอําเภอบางเลนนี้ชื่อ อําเภอบางปลา และ ต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็นอําเภอบางเลน

พอปีพุทธศักราช ๒๕๐๐ เป็นปีที่อาตมาบวช ตอนนั้นคิดว่าเมื่อ โยมปรารถนาอย่างนั้นก็ควรบวชจึงหาวัดบวช แต่ไม่ชอบใจสักวัดคือ วัด แถบลุ่มแม่น้ํานครชัยศรีนั้นก็ยังไม่ชอบใจ เพราะว่าถ้าบวชแล้ว ต้องมีการเรียน การปฏิบัติ วัดบ้านนอกแถวนั้นไม่มี

วันหนึ่งได้นึกถึงเพื่อนรุ่นน้องซึ่งบวชอยู่ที่วัดปากน้ํา จึงไปเยี่ยม ชื่อพระปักษี อยู่คณะภาวนา มีหลวงพี่ประดิษฐ์เป็นหัวหน้าคณะ เพื่อนพา ไปกราบหลวงพ่อวัดปากน้ํา แล้วก็พาอาตมาเที่ยวชมจนทั่ววัด เราก็ดูว่า

วัดนี้มีการศึกษาและมีการปฏิบัติสมาธิด้วยจึงตัดสินใจบวชวัดปากน้ําฯ

ตอนนั้นอายุ ๒๐ ปี ครบบวชพอดี ย่าง ๒๑ ปี หลวงพี่ประดิษฐ์ ท่านบอกว่า ถ้าบวชที่นี่จะจัดการให้ ท่านช่วยเป็นธุระดูฤกษ์ดูยามให้ พอ เราตกลงใจจะบวชที่วัดปากน้ําฯ ท่านเป็นธุระให้พร้อมเสร็จบวชแล้วก็ ศึกษาและปฏิบัติธรรม บวชครั้งนั้นมีพระธีรสารมุนี วัดอัปสรสวรรค์ เป็น พระอุปัชฌาย์ พระครูปัญญาภิรัตกับพระครูพิพัฒนธรรมคณี เป็นพระคู่สวด เจ้าคุณพระธรรมธีรราชมหามุนี (วิเชียร อโนมคุโณ ป.ธ.๙) เจ้าคณะภาค ๗ องค์ปัจจุบันก็บวชพรรษาเดียวกัน

ในทุกๆ วัน อาตมาก็ได้ปรนนิบัติหลวงพ่อท่าน ต้องเข้าเวรอยู่ คณะภาวนา ก็ต้องไปนั่งในโรงงาน นั่งภาวนาและปรนนิบัติดูแลหลวงพ่อ ซึ่งก็ไม่มีอะไรมาก เพราะหลวงพ่อท่านไม่รบกวนใคร ท่านช่วยเหลือตัวเอง บางวันเดินจงกรม วันไหนแข็งแรงท่านก็เทศน์สอน ตอนที่อาตมาบวชนั้น หลวงพ่อวัดปากน้ํา ท่านก็อาพาธแล้ว อาพาธหนัก

อาตมาได้สนทนาอะไรกับหลวงพ่อไม่มากเพราะท่านอาพาธ

ตอนอาพาธพระที่ท่านอยู่คณะภาวนา ก็หมุนเวียนกันไปปรนนิบัติหลวงพ่อ ท่านจนถึงวันมรณภาพ อาตมาก็ได้ทําความสะอาดร่างของท่าน พอตอน หลวงพ่อสิ้นก็ปลงผม และได้เก็ บเกศาของท่านไว้ ซึ่งตอนปลงผมก็ร่วม กันหลายองค์ พอมรณภาพแล้ว หมอก็ฉีดยาให้ ผิวพรรณท่านเปล่งปลั่ง สมบูรณ์งาม ภาพงามมาก เหมือนนอนหลับปลงผมใหม่ เปลี่ยนจีวรใหม่ คลุมด้วยผ้าแพรสีทอง ตอนนั้นสมเด็จป๋าวัดโพธิ์ (วัดพระเชตุพนวิมล มังคลารามฯ) ยังเป็นพระธรรมวโรดม เป็นประธานกรรมการ จัดงานร่วมกับคณะพระภิกษุสงฆ์ รดน้ําท่าน นําร่าง

ท่านลงหีบ อาตมามีโอกาสได้ปรนนิบัติ

ท่านทั้งขณะที่ยังมีชีวิตอยู่และมรณภาพ

แล้วหลวงพ่อวัดปากน้ําท่านเป็นพระเถระที่ โรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดปากน้ํา ภาษีเจริญ มีเมตตาธรรมสูงและเสียสละ หน้าท่านดุ ตาดุ แต่ไม่มีอะไร ท่านใจดี ตาท่านมีอํานาจ โดยเฉพาะทานบารมี ถึงแม้ท่านสิ้นแล้ว ยังเลี้ยง พระได้เหมือนเดิม ใหม่ๆ ก็วิตกกันว่าพระเณรจะลําบาก แต่ปรากฏ ว่าไม่ลําบาก โยมมาเลี้ยงพระปกติ และดูเหมือนจะมากขึ้นกว่าเดิม อีกด้วย

วิธีการดูแลพระเณรของหลวงพ่อ

หลวงพ่อวัดปากน้ํา ท่านจะแบ่งงาน แบ่งหน้าที่ ใครถนัดเรื่อง การศึกษาก็ให้รับผิดชอบด้านการศึกษา โดยมากหลวงพ่อท่านจะชอบส่ง เสริมการศึกษาโดยเฉพาะภาษาบาลี ท่านสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม

ใหญ่ที่สุดในสมัยนั้น พร้อมกับส่งลูกศิษย์ไปเรียนที่วัดเบญจมบพิตรฯ ก็มี เจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ํา องค์ปัจจุบัน และท่านเจ้าคุณพระธรรมวโรดม จบประโยค ๙ ทั้งคู่ อีกองค์หนึ่งชื่อ สว่างปัจจุบันก็สึกไปแล้ว สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญโญ) สมัยที่ท่านไปเรียนอยู่ที่วัดเบญจมบพิตรฯ นั้น ท่านเคยดํารงตําแหน่งเป็น เลขานุการของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ ๑๔ (ปลด กิตติโสภโณ มหาเถระ) ดํารงตําแหน่งอยู่ระยะหนึ่งแล้วก็กลับมา ช่วยวัดปากน้ําฯ เป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนพระปริยัติธรรม พระ-เณรที่ วัดปากน้ําฯ ในสมัยนั้นมีจํานวนมาก ตอนที่อาตมาอยู่นั้นมีเยอะที่สุด พระ เณร ๖๐๐ กว่ารูป ส่วนเจ้าคุณพระธรรมวโรดม ให้เป็นอาจารย์ใหญ่สอน ปริยัติธรรมอยู่ที่วัดเบญจมบพิตรฯ หลวงพ่อวัดปากน้ําได้คัดเลือกพระที่จะเป็นหลักแทนท่านไว้ ๕ องค์ ซึ่งเป็นการมองการณ์ไกลและการวางแผนในระยะยาวของท่านก่อนที่จะมรณภาพ คือ

๑.พระภาวนาโกศลเถระ (ธีระ คล้อสุวรรณ) หรือหลวงพ่อเล็ก ซึ่งหลวงพ่อมอบ หมายให้แจกพระของขวัญ และสอนวิชชาธรรมกาย และต่อมาก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์ ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาหลวงพ่อเล็กเป็นพระที่หลวงพ่อ วัดปากน้ํา ได้ฝึกเคี่ยวเข็ญด้านการปฏิบัติวิชชา

ธรรมกายมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นสามเณร (ปัจจุบันมรณภาพแล้ว)

๒.พระภาวนาโกศลเถระ (วีระ คณุตฺตโม) เป็นพระเชื้อสายญี่ปุ่น เป็นอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ องค์ปัจจุบัน

๓.พระราชโมลี (พระณรงค์ ฐิตญาโณ)

หลวงพ่อวัดปากน้ํา ได้ส่งไปเป็นเจ้าอาวาสวัดราชโอรส ซึ่งเคยดูแลด้านการก่อสร้างในวัดปากน้ําฯ มาก่อน (ปัจจุบันมรณภาพแล้ว)

๔.สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญโญ ป.ธ.๙) เป็นเจ้าอาวาสวัดปากน้ําฯ องค์ปัจจุบัน และเป็นอาจารย์ใหญ่ฝ่ายคันถธุระ ๕.พระธรรมวโรดม (บุญมา คุณสัมปันโน ป.ธ.๙) อยู่ที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม หลวงพ่อวัดปากน้ําส่งไปเรียนที่วัดเบญจมบพิตรฯ ปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนปริยัติธรรมอยู่ที่วัด เบญจมบพิตรฯ และดํารงตําแหน่งเป็นผู้ช่วย เจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรฯ

อาตมาอยู่วัดปากน้ําฯ จนถึงปี พ.ศ.๒๕๐๓ ตอนนั้น สมเด็จป่ารักษาการเจ้าอาวาส เหตุที่ข้ามมาอยู่วัดมหาธาตุฯ นั้นก็เพราะอาตมา ต้องมาช่วยสอนพระอภิธรรมที่วัดมหาธาตุฯและ สอนพระไตรปิฎกที่มหาจุฬาฯ ที่แผนกธรรมวิจัย จึงได้ขออนุญาตสมเด็จป๋าฯ สมเด็จพระสังฆราช

พระธรรมวโรดม(ปุ่น ปุณณสิริมหาเถร) เพราะไม่อยากนั่งรถเมล์ ข้ามไปข้ามมา สมเด็จป่าฯ จึงอนุญาตให้ย้ายมาอยู่วัดมหาธาตุฯ อยู่ที่นั่น ตลอด อาตมาสนใจเรื่องพระอภิธรรมมานานแล้ว แต่ก่อนนี้มีโครงการ สอนพระอภิธรรมช่วยกันกับท่านพระครูประกาศสมาธิคุณ ตอนนั้น สมเด็จ เกี่ยว (สมเด็จพระพุฒาจารย์ เกี่ยว อุปเสโณ ป.ธ.๙ วัดสระเกศ) ท่านอยู่ แผนกธรรมวิจัย อยู่มหาจุฬาฯ ตอนเป็นพระราชาคณะมาช่วยกันแต่ก่อน พระจะรวมกัน มีอะไรก็ช่วยกัน

หลวงพ่อวัดปากน้ําท่านส่งเสริมการศึกษา ส่งเสริม ในการเรียน ภาษาบาลีมาก ใครอยากปฏิบัติก็สอนปฏิบัติ และให้สนใจภาวนา เรียน ด้วยปฏิบัติด้วยทั้งสองอย่าง เจตนาของท่านคืออยากให้พระอยู่ ไม่ อยากให้พระลาสิกขา พระลาสิกขาหลวงพ่อท่านไม่ชอบ ท่านจะให้ โอวาทอยู่เรื่อยๆ ว่า “หนองน้อยก็รอยตีนโค รอยตีนโค ใครหรือจะโผล่ข้ามพ้น” เวลาลงโบสถ์ทุกครั้ง หลวงพ่อท่านก็จะให้โอวาท การเผยแผ่ธรรมะของหลวงพ่อสมัยนั้นโดยมาก หลวงพ่อจะปักหลักสอนอยู่ที่วัดปากน้ําฯ อีสานก็ไปโฆษณาภาคอีสาน แต่พระที่มาส่วนมากถ้ามาจากภาค มาจากภาคเหนือก็ไปโฆษณาทางภาคเหนือ พระที่วัดปากน้ําฯ จึงมาจากทุกภาค บอกต่อๆ กันไป นี้ก็สัมฤทธิ์ผล สมดังที่หลวงพ่อวัดปากน้ําท่านได้อธิษฐานไว้ว่า “บรรพชิตที่ยังไม่มา ก็ขอให้มา ที่มาแล้วขอให้อยู่เป็นสุข” ตอนนั้นพระพิมลธรรม (อาส อาสภมหาเถระ) ท่านเป็นสังฆ มนตรีปกครองเป็นผู้ปกครองที่สั่งแล้วต้องปฏิบัติตาม ท่านอยากให้หลวง พ่อวัดปากน้ําไปปฏิบัติวิปัสสนาแบบยุบหนอพองหนอ หลวงพ่อท่านก็ไป ท่านถามว่าถูกหลักสติปัฏฐานหรือไม่ หลวงพ่อท่านก็ตอบว่าใช่ ถูกหลักสติ ปัฏฐาน ๔ หลวงพ่อวัดปากน้ํา ท่านส่งเสริม ท่านไม่โจมตีหรอก ใครชอบ ทางไหนก็ไปทางนั้น สํานักปฏิบัติธรรมที่มาคู่กับหลวงพ่อวัดปากน้ําคือ หลวง พ่อลี วัดอโศการาม ซึ่งสอนแบบให้บริ

กรรม “พุทโธ”

หลวงพ่อวัดปากน้ํา ท่านคิดจะสร้างบารมีอย่างเดียว อย่างมหาจุฬาฯ ตอนนั้นก่อตั้งใหม่ๆ ยังไม่เป็น รูปร่าง หลวงพ่อวัดปากน้ําท่านก็มา ช่วยหาทุน ในการก่อสร้างมหาจุฬาฯ สมัยนั้นท่านเจ้าคุณพระพิมลธรรม (ช้อย ฐานทัตโต ป.ธ.๙) เป็นปฐมนายกพระพิมลธรรม (ช้อย ฐาน-

ทัตโต) ท่านนิมนต์หลวงพ่อวัดปากน้ํา ไปเทศน์ที่วัดมหาธาตุฯ อยู่เป็นประจํา

เพราะท่านศรัทธาหลวงพ่อวัดปากน้ํา เวลาไปเทศน์หลวงพ่อท่านก็ลงเรือ ข้ามฟากไป ไปขึ้นที่ท่าเตียน ปากคลองตลาด พระพิมลธรรม (ช้อย) ท่าน ส่งเสริมหลวงพ่อวัดปากน้ําให้ไปสอนพระเณรในวัดนํานั่งภาวนาในโบสถ์ ภาวนา “สัมมา อะระหัง” มากันหมดทั้งวัด ตอนนั้นรู้สึกว่าเจ้าคุณโชดกก็ มาอยู่วัดมหาธาตุฯ แล้ว แต่ว่าไปเรียนอยู่ที่พม่า ตอนนั้นคงยังเป็นพระเด็กๆ พรรษาน้อย

ท่านพระครูประกาศสมาธิคุณ เคยเล่าให้ฟังว่า สมัยนั้นท่านยัง คะนอง ตอนหลวงพ่อมาสอน “สัมมา อะระหัง” ที่วัดมหาธาตุฯ ฟังแล้วก็ ขํา จึงหัวเราะคิกคิกออกมาเบาๆ และตอนหลวงพ่อวัดปากน้ําสอน พระ พิมลธรรม (ช้อย) จะมาฟังด้วย ใครหัวเราะท่านดุเลย ตวาดดุเลยให้ตั้งใจฟัง ท่านศรัทธาหลวงพ่อวัดปากน้ํามาก สมัยนั้นดีมาก มาในภายหลังสมัย พระพิมลธรรม (อาส) ซึ่งเป็นผู้ที่ส่งให้เจ้าคุณโชดกไปเรียนที่พม่า เพราะ เป็นคนขอนแก่นด้วยกัน ไปเรียนวิปัสสนาแล้วกลับมาสอนที่นี่ ช่วงนั้น สมเด็จพระสังฆราชอยู่วัดเบญจมบพิตรฯ ซึ่งท่านก็สนับสนุนวิชชาธรรมกาย ยุคนั้นสํานักปฏิบัติที่เป็นที่รู้จักอีกที่ คือวัดมหาธาตุฯ ปฏิบัติแบบยุบหนอ พองหนอ ส่วนเรื่องเจ้าคุณโชดกนั้นก็ไม่มีอะไรหรอก คือเจ้าคุณโชดกท่าน มาทีหลังก็ต้องการให้หลวงพ่อวัดปากน้ําช่วยโฆษณาด้วย เพราะสมัยนั้น คนจะโจมตีว่าเป็น ของพม่า หลวงพ่อ วัดปากน้ําท่านก็ส่ง เสริม ให้ท่านไป ปฏิบัติท่านก็ไป ไปทดลอง ไปปฏิบัติ แล้วท่านก็บอกว่าดี ท่านไม่โจมตีเพราะ ท่านไม่ทําร้ายใคร ส่วนทางนั้นจะไป โฆษณาอย่างไร ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

หลวงพ่อวัดปากน้ํา ท่านมีความมุ่งมั่นที่จะเผยแผ่วิชชาธรรมกาย

ออกไป ต่างประเทศทั่วโลก ก็ส่งลูกศิษย์ของท่าน ไปองค์หนึ่ง ชื่อพระใหญ่ ไปอังกฤษ ได้คนอังกฤษมาบวชคนหนึ่งชื่อศาสตราจารย์ วิลเลี่ยม ออกัสต์ เพอรฟิสต์ บวชแล้วได้ฉายาว่า “กบิลวฑโฒ” ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ฝรั่งเข้ามาบวชใน ประเทศไทย แต่ตอนหลังพระใหญ่ทําหน้าที่เป็นพระพี่เลี้ยงที่ไม่ดี เลย พลาดไป หลวงพ่อท่านเสียใจเรื่องนี้มาก ตอนหลังพระใหญ่ก็สึก สึกไป แล้วก็กลับมาบวชใหม่อีก ตอนนี้มรณภาพไปแล้ว หลวงพ่อวัดปากน้ําท่าน ต้องการเผยแผ่ไปทั่วโลก ตอนนั้นก็เข้าอังกฤษแล้วชาวอังกฤษก็เริ่มรู้จักกันแล้ว

เหตุที่อาตมาได้มาก่อตั้งจิตตภาวันวิทยาลัยก็เพราะว่ามีโครงการเกิดขึ้นในภายหลัง โครงการนั้นก็คือ เราจะสร้างพระออกเผยแผ่ธรรมะ ตามที่รัฐบาลมีนโยบายให้คณะสงฆ์ช่วยในการอบรมเยาวชน เพราะ ปัญหาศีลธรรมเสื่อม สมเด็จป๋าฯ วัดพระเชตุพนฯ ท่านก็ปรึกษา อาตมา

ก็เลยเสนอว่า ควรจะสร้างพระออกเผยแผ่ให้มากขึ้น สมัยท่านก็เคยทํา แต่น้อยไม่มีเพิ่มเติม ส่วนมากองค์ไหนที่ทําได้ก็ช่วยกัน ทัศนะของอาตมา คือต้องการเอาพระรุ่นใหม่มาฝึก ฝึกแล้วก็ออกทํางานเผยแผ่กันให้มากขึ้น

พระเทพกิตติปัญญาคุณหรือหลวงพ่อกิตติวุฑโฒ เป็นพระมหา

เถระผู้เปี่ยมด้วยความเมตตา กอปรด้วยเป็นผู้ที่ทรงภูมิรู้ ภูมิธรรมและ ความสามารถท่านได้ทุ่มเท อุทิศทั้งชีวิตและสติปัญญาของท่านเพื่อเผย แผ่และปกป้องพระพุทธศาสนา ปัจจุบันแม้วัยของท่านจะล่วงเข้า 55 ปีแล้ว

แต่พระเดชพระคุณท่านยังคงมุ่งมั่นสืบสานปณิธานเจริญรอยตามหลวง

พ่อวัดปากน้ํา ภาษีเจริญ ในการสร้างคนดีให้เกิดขึ้นในพระพุทธศาสนา อย่างไม่ย่อท้อโดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย

แม้บางคราวจะมีลมพายุโหมพัดมาบ้าง แต่ก็เพียงทําให้กิ่งใบ แห่งกล้าธรรมต้นนี้เป็นเพียงความเคลื่อนไหว ไหวพลิกระริกใบล้อเล่นกับ

สายลมเท่านั้น แต่ความมุ่งมั่นในการรังสรรค์กล้าธรรมต้นต่อไปของท่านยังคงยืนหยัดมั่นคงเป็นดุจต้นไม้ใหญ่ที่พายุใดๆ ก็ยากที่จะสั่นคลอน