โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 96 โดยสิงหล 3 พ.ย. 58



โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 96 โดยสิงหล 3 พ.ย. 58

แม่อาจารย์ทองสุขฟังแล้ว นึกในใจว่า เมื่อขามาผ่านกรงขัง เห็นคนอยู่กับม้าบ้าง แพะบ้าง สัตว์ต่างๆบ้าง ถ้าจะมีกรรมเพราะขืนใจมัน ก็เป็นอาชีพที่ทุจริตเหมือนกัน

แล้วแม่อาจารย์ ก็เดินตามเจ้าหน้าที่เขาต่อไป
พอถึงทางเลี้ยว จะออกไปทางเก่าก็ปะทะเข้ากับคนกลุ่มใหญ่

แม่อาจารย์ตกตะลึง มองดูคนเหล่านั้น เห็นหัวแตกก็มี แขนหัก ขาหัก อกทะลุ ไม้ปักอกก็มี อีกคนหนึ่งมีอะไรวงกลมๆทับ หรือกระแทกติดอยู่ที่หน้าอก โลหิตโชกไปหมดทั้งตัว

เสียงเจ้าหน้าที่ถามว่าอะไรกัน ทำไมจับมาพร้อมกันมากมาย เสียงทหารผีตอบว่า “มันไปเที่ยวสำมะเลเทเมา รถคว่ำเลยจับมาเป็นหมู่ใหญ่’’

เสียงผู้คุมหญิงพูดว่า ดีเหมือนกันไม่ต้องจับทีละคนๆ พอคนพวกนายทหารของยมบาล จับพวกรถคว่ำมามากมาย แต่ละคนก็หัวแตก แขนหัก อกทะลุ ร้องโอดครวญโวยวาย

แม่อาจารย์รู้สึกตกใจกลัว จึงบอกเจ้าหน้าที่ผู้หญิง ซึ่งยมบาลสั่งให้พาเที่ยวดูสัตว์นรกนั้นว่า แหม! น่ากลัวจริงๆ ตายเป็นหมู่ๆ อย่างนี้ เขามีบาปหนักอะไร
เจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนนั้น เขาก็ตอบว่า เดินเลี้ยวไปทางซ้ายมือ ประเดี๋ยวก็รู้ เพราะเมืองนี้เป็นวงกลม เดินให้อ้อมไป ประเดี๋ยวก็จะพบศาลตัดสิน ผู้ที่ถูกจับมาใหม่เหมือนอาจารย์เข้ามา

เจ้าหน้าที่พาอาจารย์เดิน ผ่านไปหลายแห่ง พอมาถึงหน้าศาลก็หยุด แม่อาจารย์ทองสุขมองไป ในศาลแลเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง เปลี่ยนแปลงไปหมด

บัลลังก์ก็สวยงามใหญ่เป็นสง่า เสมียนซ้ายขวาแต่งตัวเหมือน ข้าราชการนายทหารผู้ใหญ่ นั่งวางท่าสง่าหนวดโง้ง

ทหารรักษาประตูมีเป็นกองร้อย ล้วนเข้มแข็ง ถืออาวุธ ยมบาลแต่งตัวเหมือนพระเจ้าแผ่นดิน สวยงามมากเป็นสง่าน่ากลัว
ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมด อาจารย์จึงถามเจ้าหน้าที่ว่า นี่เป็นศาลใหม่เหรอ เขาตอบว่า ไม่ใช่ เป็นศาลเก่า แต่วันนี้สัตว์ผู้ถูกจับมาใหม่ คงจะเป็นเจ้านายใหญ่นายโต ทางเมืองมนุษย์
ยมบาลจึงเนรมิตทุกสิ่งทุกอย่างในศาลให้ดูน่าสะพรึงกลัว ใหญ่โต เต็มไปด้วยอำนาจราชศักดิ์ และเกียรติศักดิ์ เพื่อให้ผู้ถูกจับมาจะได้เกรงขาม ยมบาลท่านแปลงตัวได้ทุกอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติก็ได้ ให้แปลกประหลาดพิสดารก็ได้ ถ้าจับคนใจร้ายดุดันเป็นจอมโจรมา ท่านก็แปลงตัวเป็นดุร้ายหน้าตาเหมือนยักษ์ ทำอำนาจตวาดและกระทืบบาทดังสนั่นหวั่นไหว ให้ดูน่ากลัว ยิ่งกว่าจอมโจรนั้นๆหลายพันเท่า

(เรื่องเล่าโดย แม่ชีทองสุข สำแดงปั้น บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 95 โดยสิงหล 2 พ.ย. 58



 โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 95 โดยสิงหล 2 พ.ย. 58


ยมบาลร้องเสียงดังว่า “แยกมันไปคนละขุม’’ พวกทหารก็ตรงเข้า กระชากมือออกจากกัน แล้วลากไปโดยเร็ว เสียงคนทั้งสองร้องเรียกหากันอย่างโหยหวน

พอยมบาลลุกขึ้น จะกลับเข้าข้างใน ก็สั่งทหารที่เฝ้าหน้าศาลว่า ลูกศิษย์หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ มาแอบดูอยู่คนหนึ่ง จงอนุญาตให้แกดู จะได้จำไปบอกเล่า แก่ชาวมนุษย์ จะได้ไม่กล้าทำบาปหยาบช้า นรกกี่ขุมๆก็เต็มล้นหมดแล้ว เพราะคนใจบาปมากเหลือเกิน
สั่งแล้วก็เข้าไป
ทหารก็ให้ผู้หญิงคนหนึ่งท่าทางจัดจ้าน เหมือนเป็นเจ้าหน้าที่ในเมืองนรกคนหนึ่ง มาพาแม่อาจารย์ บอกว่า ไปเที่ยวดูขุมต่างๆกันเถอะ แม่อาจารย์อยากดูอยู่แล้ว ก็รีบลุกขึ้นตามเขาไป อย่างว่าง่าย
เขาพาเดินมาถึงห้องขัง ที่มีคนอยู่กับหมา แม่อาจารย์จึงถามเขาว่า “ทำไมจึงเอาคนไปไว้กับหมา’’ เขาตอบว่า “คนเหล่านี้มีโทษ ในเรื่องขืนใจหมา คือหมาบางตัวก็มีจิตใจดี ซื่อตรงต่อสามีหรือภรรยาของมัน แต่คนต้องการอยากจะได้ลูกไว้ขาย ก็บังคับหรือล่อให้มันกินยาเพิ่มความกำหนัด แล้วบังคับ ให้ผสมพันธุ์กับตัวอื่นๆ ที่มันไม่รัก ทำให้มันได้รับความเจ็บปวด ครั้นเวลามันตาย มันก็มาฟ้อง จึงต้องจับขังไว้กับหมา หมามันจะกัดทุกวันและทุกเวลาที่จะนอนหลับ’’

อาจารย์ฟังแล้วก็ตกใจ มองไป ก็แลเห็นคนที่ถูกจับขัง อยู่กับหมานั้น ต้องเที่ยวหลบเขี้ยวหมา อยู่อย่างวุ่นวาย เพราะหมาตัวใหญ่เกือบเท่าลูกม้าและดุร้ายมาก กัดตามหน้าและคอของคน
อาจารย์เห็นแล้วมีความกลัวจึงถามว่า “หมาตัวนี้หรือที่ถูกข่มเหง’’
ผู้หญิงผู้คุมตอบว่า "ไม่ใช่ นี่เป็นหมาของยมบาล มีไว้สำหรับลงโทษผู้ทำผิด ไม่ใช่หมาคู่เวรคู่กรรมกัน’’

(เรื่องเล่าโดย แม่ชีทองสุข สำแดงปั้น บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 94 โดยสิงหล 1 พ.ย. 58



 โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 94 โดยสิงหล 1 พ.ย. 58

ยมบาลร้องทันทีว่า "เอาไป เอามันไป ปากแข็งดีนัก ทำผิดแล้ว ยังไม่ยอมรับ กลางวันให้เอาหอกแทงปากทะลุถึงท้อง กลางคืนให้นอนกับหมาป่า"

แล้วยมบาลหันมาพูดกับ หญิงสาวอย่างมีเมตตา "เจ้าเป็นคนดี มีกตัญญูต่อพ่อแม่ แต่มีกรรมเก่ามาทัน จึงต้องเสียชีวิตก่อนอายุขัย เราจะให้เจ้าไปพัก ที่ปราสาทก่อน รอกำหนดที่จะจุติไปชั้นดาวดึงส์ ไปเถิด ไปสู่ที่เป็นสุข"

แม่อาจารย์ทองสุขเล่าว่า พอยมบาลให้พรเสร็จเท่านั้น แทบไม่น่าเชื่อ แม่อาจารย์ต้องกระพริบตา ดูใหม่อีกทีว่า จะใช่ผู้หญิงคนนั้นหรือไม่ เพราะรูปร่างหน้าตาก็คล้ายๆกันกับคนเก่า แต่ทุกอย่างสวยขึ้น ละเอียดขึ้น เสื้อผ้าหยาบๆ ซึ่งผู้หญิงคนนั้นสวมมาแต่แรก ก็กลับเป็นใหม่ และสวยงามขึ้นหลายสิบเท่า แต่การตัดเย็บเป็นแบบเก่าเท่านั้นเอง แต่สวยงามขึ้นมาก แล้วก็มีผู้หญิงสวยๆ มาต้อนรับเชื้อเชิญให้ไปอยู่ด้วยกัน

พอเขาไปกันแล้ว แม่อาจารย์ทองสุขก็นึกในใจว่า ไปเป็นสุขๆเถอะแม่คุณ คนมีความกตัญญูเลี้ยงพ่อแม่ รักษาพ่อแม่ ตายแล้วจะได้ไปเกิดเป็นนางฟ้า จะให้เขาเขียนลงในหนังสือด้วย คนอื่นๆจะได้รู้ทั่วๆกัน จะได้ทำความดีต่อพ่อแม่ด้วย

นึกแล้วก็คอยดูต่อไป

สักประเดี๋ยวหนึ่ง ก็มีทหารของยมบาล 4 ตน ฉุดกระชากลากชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งเข้ามา เสมียนก็บอกความผิดว่า คนทั้งสองหนีพ่อแม่ ไปทำความผิดด้วยกัน พ่อแม่ว่ากล่าว ก็เลยกินยาตายทั้งคู่
เสียงยมบาลถามว่า "ทำไมจึงกินยาฆ่าตัวตายพร้อมกัน" เขาตอบว่า "เรารักกันมากครับ พ่อแม่ไม่ยอม เราจึงกินยาฆ่าตัวตายพร้อมกัน คิดว่าจะได้มาอยู่ด้วยกัน ในเมืองนี้"
"สัตว์ผู้โง่เขลา!" ยมบาลดุเสียงดังแล้วว่า "เจ้าคิดว่าเจ้าทำความชั่วแล้วจะได้มาอยู่ด้วยกันอย่าง
สบายในเมืองเรา เจ้าเป็นคนไม่มีความกตัญญู ทำให้พ่อแม่ทุกข์โศก บาปของเจ้าไม่เสมอกัน เจ้าจะอยู่ภูมิเดียวกัน ได้อย่างไร"
ยมบาลว่า แล้วก็หันหน้าไปถามเสมียนว่า บาปของมันต่างกันอย่างไรบ้าง เสมียนก้มหน้าลงอ่าน ในสมุดเล่มใหญ่ที่สุด แล้วบอกว่า คนผู้ชายนั้นขโมยเงินพ่อแม่ และสูบยาเสพย์ติดด้วย ไม่เคยทำบุญทำทานเลย ส่วนผู้หญิงนั้น เวลาแม่ว่า ก็ด่าแม่และกระทืบเท้า ไม่ค่อยทำบุญ แม่เรียกให้ลุกขึ้น หุงข้าวใส่บาตรก็ไม่ยอมทำ แต่เคยช่วยคนแก่ที่เป็นลม โดยให้ยาและพาส่งให้หมอรักษาจนหาย

(เรื่องเล่าโดย แม่ชีทองสุข สำแดงปั้น บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 93 โดยสิงหล 31 ต.ค. 58



โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 93 โดยสิงหล 31 ต.ค. 58

แม่อาจารย์จึงออกอุบายว่า "ไม่ต้องจับมือถือแขนดอก ปล่อยเถอะ ฉันเดินไปดีๆเอง ฉันนึกออกแล้ว นายของเธอชื่อยมบาลเป็นเพื่อนสนิทกับหลวงพ่อฉันเอง ฉันตั้งใจจะมาเยี่ยม ปล่อยฉันเถอะ"

พวกสัตว์นรกยอมฟัง จึงปล่อยมือ อาจารย์เดินตาม เขาก็พาเดินตรงไปยังเรือนหลังใหญ่ ท่าทางโอ่โถงกว่าทุกๆแห่งที่ผ่านมา
มองเห็นทหารถือขวานเล่มใหญ่เท่าหมอนอิง ยืนท่าทางขึงขังอยู่หน้าสองตน ข้างในมีโต๊ะตัวใหญ่ มีคนนั่งอยู่ 3 คน คนกลาง อายุประมาณห้าสิบเศษๆ หวีผมตั้ง อ้วนล่ำใหญ่โต ผิวดำเป็นประกาย หน้าผากกว้างจมูกแบนใหญ่ ไม่สวมเสื้อ แต่นุ่งผ้าอย่างดี คนนั่งข้างขวา กำลังเปิดบัญชีเล่มใหญ่ ได้ยินเสียงบอกว่าวันเกิด วันตายของผู้ที่ถูกจับมา เขาตะโกนบอกดังๆ อาจารย์ได้ยินแล้ว แล้วอยากรู้เรื่อง จึงบอกกับพวกนั้นว่า ยมบาลไม่ว่าง
ฉันจะนั่งข้างๆ ศาลนี่แหละ ไว้ท่านว่างแล้ว ฉันจึงจะเข้าไปหา พวกแกไปทำอะไรก่อน ก็ไปเถอะ ฉันไม่หนีหรอก ฉันไม่ได้ถูกจับเข้ามา

พวกนั้นก็เชื่อ จึงปล่อยมือ แม่อาจารย์ก็เข้าไป นั่งแอบข้างประตู ูเพื่อจะดูว่า เหตุการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร

สักครู่หนึ่ง แลเห็นพวกทหารผี จับผู้ชายคนหนึ่ง ไปมัดมือด้วยโซ่ ที่คอก็มีโซ่เส้นใหญ่สวมอยู่ เขาถูกลากครึ่งจูง เข้ามาที่หน้าบัลลังก์
เสมียนคนนั่งทางขวามือถามชื่อและวันเกิด แล้วยมบาลว่าใช่ตัวจริงแล้ว ยมบาลพยักหน้า
เสมียนที่นั่งทางซ้ายมือก็ถามขึ้นว่า แกประพฤติตัวเลวทรามมาก ข่มขืนผู้หญิงใช่ไหม คนโทษตอบว่า "เปล่า"
ในทันใดนั้นเอง ก็มีผู้หญิงสาวสองคนวิ่งมาจากห้องทางด้านหลัง มาชี้หน้าผู้ชายที่ถูกจับมา แล้วร้องว่า "แกโกหก ต่อหน้ายมบาลแกยังกล้าโกหก"
แล้วผู้หญิงคนนั้นก็หันมาฟ้องยมบาลว่า "ท่านเจ้าค่ะ ไอ้คนนี้แหละ ที่บังคับหนูกินยาเม็ดๆไป 4-5 เม็ด แล้วบังคับหนูนอน แล้วทำร้ายหนูค่ะ" แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ร้องไห้รำพันว่า "โธ่!
หนูอุตส่าห์ยอมลำบาก มาทนเป็นลูกจ้างมัน เพื่อจะเอาเงินไปให้แม่ ซื้อยารักษาตัว มันยังแกล้งทำอยู่ได้"

พอชายคนนั้นจะเถียงอีก เขาก็สะดุ้งขึ้นจนสุดตัว เหมือนถูกทำร้าย เขาร้องโอ๊ย! เสียงดังลั่น แล้วในทันใดนั้น ปากของเขาก็ฉีกออกไป ลักษณะของแผลเหมือนถูกเสือตะปบ เลือดออกท่วมปากทันที เสียงเขาร้องครางอย่างเจ็บปวดและว่า "ผมทำผิดแล้ว ขอโทษด้วย"

(เรื่องเล่าโดย แม่ชีทองสุข สำแดงปั้น บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 92 โดยสิงหล 30 ต.ค. 58

 


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 92 โดยสิงหล 30 ต.ค. 58

ไปเยี่ยมเมืองนรก

แม่อาจารย์ทองสุข สำแดงปั้น ตั้งแต่รู้ข่าวว่าหลวงพ่อ ท่านไปเทศน์โปรดสัตว์นรก และรู้ช่องทางที่จะไปแล้ว ก็เริ่มทำสมาธิ และ ฝึกหัดม้าแก้วคล่องแคล่วอยู่ทุกวัน รอโอกาส ที่จะหนีหลวงพ่อไปนรกบ้าง

วันหนึ่ง สบเหมาะหลวงพ่อท่านได้รับนิมนต์เข้ากรุงเทพฯ แม่อาจารย์สั่งเพื่อน ในห้องฝึกหัดกรรมฐานว่า "อย่าให้ใครมายุ่งยิ่งกับร่างกายฉันนะ" แล้วเขาก็เข้าที่ทำ "สัมมา อะระหัง" เดินฌานจนดิ่งเงียบสงบดีแล้ว จึงอธิษฐาน ขอไปเยี่ยมเมืองนรกบ้าง แล้วก็ขึ้นขี่ม้าห้อออกไปจากวัด

อาจารย์เล่าว่า พริบตาเดียวเท่านั้นถึงแล้ว เมืองนรกนี้ไม่ไกลเลย รูปร่างของเมือง มองเห็นกำแพงแต่ไกล เป็นกำแพงเก่าๆ มีคนเฝ้า แต่ม้าห้อเร็วเหลือเกิน พอคนอ้าปากถามเท่านั้น อาจารย์ยังไม่ทันตอบว่ากระไร ม้าก็กระโดดพรึบไปแล้ว
ภายในกำแพงมองเห็นบ้านเรือน 2-3หลัง แต่เป็นหลังใหญ่ๆ ผู้คนมีทั้งหญิงและชาย ร่างกายหน้าตา เหมือนมนุษย์เราดีๆ นี่เอง แต่ไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้นหนึ่งติดตัว

อาจารย์บ่นกับม้าดังๆว่า "พวกนี้บัดสีจริงๆ ดูซิ เดินแก้ผ้าล่อนจ้อน ไม่อับอายใครๆบ้างเลย
แน่ะ! ว่ายังหันมามอง ทำตาโตทะเลิ่ก ทะลักอีก ไม่รู้จักอายจริงๆ เห็นไหมวิ่งมากันใหญ่แล้ว ม้าร้องว่า "หนีเถอะ" "ไปหนีมันทำไม" "ประเดี๋ยวมันจะจับเราแก้ผ้าบ้างนะซีอาจารย์ บอกไม่เชื่อหนีเถอะน่ะ" ม้าร้องเตือน

พอดีพวกในเมืองนรกก็วิ่งมาถึง ต่างตนเข้าล้อมหน้าล้อมหลัง อีก 4-5 ตนเข้าจับม้าไว้ อีก 4- 5 ตน ฉุดแขนอาจารย์ให้ลงจากหลังม้า
อาจารย์ไม่ยอมลง พวกเขาก็พากันออกแรง อุ้มให้ลง อาจารย์บอกว่า โมโหจริงๆ จะใช้จักรแก้วขว้างมัน มันก็จับมือไว้ ม้าก็ดิ้นทั้งเตะทั้งโขก แต่สู้พวกเมืองนรกไม่ไหว

เขาพากันฉุดอาจารย์ ผ่านไปตามบ้านเก่าๆ โกโรโกโส เหมือนกระท่อมจวนจะพังหลายหลัง
อาจารย์ก็มองเข้าไปในกระท่อมเหล่านั้น บางแห่งก็แลเห็นผู้หญิงเปลือยกายอยู่กับสุนัขตัวผู้ บางแห่งก็แลเห็นผู้ชายเปลือยกายอยู่กับสุนัขพันธุ์ใหญ่ตัวเมีย ในสภาพที่นอนอยู่ในที่เดียวกัน เหมือนสามีภรรยา และบางแห่งก็แลเห็นคนอยู่กับหมา ูม้า แพะ แกะ โค กระบือ อาจารย์มองแล้วแปลกใจและตกใจ จึงถามพวกนรกที่ฉุดไปว่า
"ทำไมพวกนั้นจึงอยู่กับหมา เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน" สัตว์นรกถามว่า "มันชอบของมันอย่างนั้น ก็ต้องตามใจมัน"

อาจารย์ถามอีกว่า "แล้วนี่พวกแกจะกุมฉันไปไหน?" เขาตอบว่า "นายสั่งให้จับไปให้นาย"

(เรื่องเล่าโดย แม่ชีทองสุข สำแดงปั้น บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 91 โดยสิงหล 29 ต.ค. 58


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 91 โดยสิงหล 29 ต.ค. 58

   แม่ชีจันทร์เล่าต่อไปว่า พี่สุขน่ะธรรมะเชี่ยวเหมือนกัน เมื่อมาบวชใหม่ๆ เขาอยู่เวรตอนดึกด้วย หลวงพ่อท่านให้ฉันไปเรียกเขาทุกคืน ฉันก็ต้องเดินไปเรียกเขา เขานอนขี้เซาจนน่าโมโห เวลาร้องเรียก "พี่สุข พี่สุข ลุกขึ้นเถอะหลวงพ่อเรียกแล้ว" เขาตื่นขึ้นก็ทำบิดขี้เกียจ ยกแขนซ้าย อื้ด! แล้วก็หลับต่อไปอีก ฉันก็ต้องเรียกเขาอยู่นั่นแหละ พอตื่นอีกที ก็ยกแขนขวายืดตัว ร้องอื้ด! แล้วก็หลับอีก อย่างนี้เป็นกี่ปีๆ ไม่ใช่วันสองวัน เราไม่เรียก หลวงพ่อก็ดุเรา
   คืนหนึ่ง ฉันโมโหเต็มที่พอเรียก เขาตื่นล้างหน้าล้างตา แล้วเดินไปเข้าเวรด้วยกัน เขาไม่รู้หรอกว่าฉันโมโหเขาสุดขีดแล้ว 
พอนั่งเข้าที่ หลวงพ่อก็ให้เขาทำงานช่วยคนโน้นคนนี้ เวลานั้นวิชชาเขาเก่งพอดู ส่วนฉันกายมนุษย์ยังโมโหไม่หาย พอเข้าที่กายธรรมกับกายทิพย์ก็ทำงานอย่างเย็นๆ แต่กายมนุษย์ยังไม่หมดโมโหก็เลยบ่นพี่สุขว่า "ไอ้พี่สุขบ้า ไอ้พี่สุขบ้า" ต้องให้เดินตามทุกคืน คืนละ 2-3 หน มืดก็มืด ยิ่งกลัวงูอยู่ด้วย ว่าเขาจนพอใจแล้วก็หายโมโห จึงเข้าที่ต่อไปทำงานตามที่หลวงพ่อท่านใช้ พอเช้าเท่านั้นแหละ ห้องฉันแทบพังทีเดียว พี่สุขทำท่าเหมือนงิ้วตอนออกหน้าไก่ เขาว้ากและกระทืบเท้า มือหนึ่งเท้าสะเอว มือหนึ่งชี้หน้าฉันว่า
"ไอ้จันทร์ สำคัญนัก เมื่อคืนมาด่าฉันทำไม" ฉันก็จะตอบว่าไม่ได้ด่าก็กลัวศีลจะขาดไปอีกข้อหนึ่งเลยว่า "ก็อยากเรียกไม่ตื่นทำไมล่ะ เลยโมโหขึ้นมาบ้างซี่ นอนบิดขี้เกียจอยู่ได้เป็นปีๆ" "เออๆ แล้วฉันจะตายแกต้องมาขอขมาอภัยฉันนะ ไม่งั้นแกจะต้องมีโทษ"
   เมื่อตอนเจ็บหนักตอนนั้น ก็ให้ฉันโทรเลขไปบอกให้ครูเธียรมาขออภัยเหมือนกัน เกี่ยวข้องกันคือ ครูเธียรเป็นศิษย์พี่สุข เคี่ยวเข็ญจะให้เขาได้ธรรมะ ด่าว่าเขาทุกวันทุกคืน เขาอดโมโหไม่ไหว  เลยเดินกระทืบเท้าแล้วว่าในใจ พี่สุขก็รู้เรื่องมานานแล้ว ก็ยังจำได้ให้โทรเลขไปเรียกตัวขอขมาอภัยก่อนตายจากไป
   "พี่สุขล่ะ เขาเป็นคนซน และไม่กลัวอะไรๆหมด" 
    วันหนึ่ง หลวงพ่อบอกว่า ไปตรวจเมืองนรกมาเท่านั้นแหละ พี่สุขเขาก็ถามใหญ่เชียวว่า เมืองนรกเป็นอย่างไร? จะไปทางไหน? ไปอย่างไร? หลวงพ่อก็บอกให้ พี่สุขเขาก็อยากไปมั่งทีเดียว เขามาชวนฉันว่า 
"จันทร์ คืนนี้ เราส่งกายทิพย์ ไปเยี่ยมเมืองนรกกันเถิด อยากดูคนที่ตายไปแล้ว เขาจะไปอยู่กันยังไง" ฉันว่าฉันไม่อยากไป ไม่ชอบดูยมบาล เขาถามว่า ทำไม ฉันว่าฉันกลัวยมบาลแกหักคอ เขาก็บอกว่า เขาไม่กลัว ฉันห้ามเขาเท่าใดๆ เขาก็ไม่เชื่อ จนวันหนึ่งได้ข่าวว่าเขาไปจริงๆ และไปเถียงกับลูกน้องยมบาลด้วย

   (เรื่องเล่าโดย แม่ชีทองสุข สำแดงปั้น บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 90 โดยสิงหล 28 ต.ค. 58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 90 โดยสิงหล 28 ต.ค. 58
    
       แม่ชีทองสุขเข้าถึงธรรม เพราะขัดกระโถน
      ในเรื่องเหตุ ที่เข้าถึงธรรมนั้น แม่ชีจันทร์ ขนนกยูง ซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดกับแม่ชีทองสุขได้เล่าให้ฟังในหนังสือ วิปัสสนาบันเทิงสารว่า
   "พี่สุขเขาพิลึกล่ะ ก่อนจะได้ธรรมะ ก็ต้องเทกระโถนน้ำหมาก หมดศาลาเลย ตอนนั้นเขาเป็นแม่ค้า ขายมะพร้าว พอได้ยินข่าวว่า หลวงพ่อสอนธรรมะ ก็อุตส่าห์มาเรียน  ทิ้งลูก 2คนไว้บ้าน ตอนนั้นลูกก็ยังไม่โตเท่าไหร่ ใครๆที่มาเรียนพร้อมกัน ก็ได้ธรรมะหมด เหลือแต่พี่สุขเท่านั้น   นั่งเท่าไหร่ๆก็ไม่ได้   วันหนึ่งน้ำขึ้นเต็มฝั่ง พี่สุขเขาก็โมโหตามน้ำขึ้นมา เชี่ยวไหมล่ะ  ใครๆจะห้ามเขา เขาก็ไม่เชื่อหรอก เขาคว้ากระโถนน้ำหมากเลอะๆเทอะๆ ในศาลาหลังเก่าไม่รู้กี่ใบๆ ขนเอาไปลงคลอง ขัดไปเขาก็ว่าคาถาของเขาไป เสียงพึมพำว่า "กิเลสมันหนานัก ขัดมันเสียบ้าง เจ็บใจนัก ใครเขาได้กันหมด เหลือคนเดียว เจ็บใจ ต้องขัดมันออกเสียไอ้กิเลสนี้"
      วันนั้นกระโถนขาวสะอาด หมดทั้งศาลาเลย
       เขาได้ธรรมะ แปลกประหลาดกว่าใครหมด   
       ใครๆเขาโดยมาก ก็นั่งเข้าที่ได้ธรรมะ แต่พี่สุขเขาเดินแล้วได้  ไม่ใช่เดินจงกรมจงแบนอะไรหรอก 
       เขาก็มานั่งเรียนตั้งแต่เช้า ก็ไม่เห็นอะไร เขาหิวข้าวก็ค่อยๆ เดินไปซื้อข้าวที่ประตูน้ำ ขณะที่เดินนั้น ใจเขายังผูกพันอยู่กับธรรมะ เขาสัมมาอะระหังไปเรื่อยๆและค่อยๆเดินไปเงียบๆ พอจนถึงท่าน้ำ เขาก็เห็นแสงสว่างวูบขึ้นหน้าเขา  แล้วจึงเห็นองค์พระ เขาบอกว่าเขาตกใจยืนตะลึงอยู่กับที่ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จิตก็รู้ว่า นั้นพระธรรมกายแน่แล้ว ก็ปลื้มใจ บอกไม่ถูก ค่อยๆ เดินไปซื้อข้าว กินได้ 2-3 คำก็เลิก ค่อยๆเดินกลับมาศาลา บอกอาจารย์ผู้หญิง ดูเหมือนชื่อบุญช่วย อาจารย์ซักไซร้ไล่เรียงว่า เห็นข้างนอกหรือข้างใน ซักอยู่นานจึงบอกว่า ใช่พระธรรมกายแล้ว ให้พี่สุขนอนค้างศาลาอีก 1คืน และได้สอนวิชชาต่อให้ และต่อมาอาจารย์ก็ขอรัตนะ7
ให้ พี่สุขเขาได้ธรรมะก่อน แล้วจึงมาบวช เมื่อบวชใหม่ๆ ก็ยังไม่มีบ้านอยู่ หลวงพ่อให้อยู่ในโรงงาน นอนตรงใกล้ๆพระเจดีย์สำเภานั่นแหละ

   (เรื่องเล่าโดย แม่ชีทองสุข สำแดงปั้น    บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำตอนที่ 89 โดยสิงหล 27 ต.ค. 58 วันออกพรรษา



โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำตอนที่ 89 โดยสิงหล 27 ต.ค. 58 วันออกพรรษา


รักษ์ร่างพอสร่างร้าย รอดตน

ยอดเยี่ยมธรรมกายผล ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ใดอื่น

เชิญท่านถือเอาแก้ว ก้องหล้า เรืองสกล


ประกอบเหตุ สังเกตผล สนใจเถิด ประเสริฐนัก

ประกอบในเหตุ สังเกตในผล สนใจเข้าเถิด ประเสริฐดีนัก


พายเถอะนะเจ้าพาย ตลาดจะวายสายบัวจะเน่า

โซ่ไม่แก้กุญแจไม่ไข จะไปได้อย่างไรกันล่ะเจ้า


ด้วยความหมั่นมั่นใจไม่ประมาท

รักษาอาตม์ข่มใจไว้เป็นศรี

ผู้ฉลาดอาจตั้งหลักพำนักดี

อันห้วงน้ำไม่มีมารังควาน


ผลไม้ดกนกชุม น้ำเย็นปลาชอบอาศัย

อ้ายโลกก็เหลว อ้ายธรรมก็แหลกเป็นแบกบอน

เหลือแต่กิน นอน เที่ยว สามอันเท่านั้นเอย


ประกอบเหตุ สังเกตผล ทนเอาเถิด ประเสริฐนัก

ไม่หยุดไม่ถึงพระ  ตัวหยุดนี่แหละเป็นตัวสำเร็จ


ขุดบ่อหล่อธารา จงอุตส่าห์ขุดเรื่อยไป

ขุดตื้นตื้นน้ำไม่มี ขุดถึงที่น้ำจึงไหล


เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว

พบแล้วไม่กำจะเกิดมาทำอะไร

อ้ายที่อยากมันก็หลอก

อ้ายที่หยอกมันก็ลวง

ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย

เลิกอยากลาหยอกรีบออกจากกาม

เดินตามขันธ์สามเรื่อยไป

เสร็จกิจสิบหก ไม่ตกกันดาร

เรียกว่านิพพานก็ได้


(คติธรรมโดยพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ตรีธาเล่าเรื่องหลวงพ่อและวัดปากน้ำ)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 88 โดยสิงหล 26 ต.ค. 58



โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 88 โดยสิงหล 26 ต.ค. 58

      ในช่วงพรรษาจำได้ว่า วันนั้นเป็นวันพระ พระจันทร์เต็มดวง วันเพ็ญเดือน 10 หลังจากหลวงพ่อสดท่านลงปาฏิโมกข์เสร็จ ท่านก็สรงน้ำ แล้วก็เข้าโบสถ์ในเวลาเย็น เพื่อปฏิบัติธรรม ขณะนั่งลงก็เห็นมีมดคันขึ้นเต็มหมด ตามร่องแผ่นหินในพื้นโบสถ์ ตอนนั้นยังไม่มืด ท่านก็เรียกไอ้ชม มึงไปหาน้ำมันมาวงให้อาจารย์ทีซิวะ ไอ้ชมก็ลุกไป 

     แต่ยังไม่ทันออกจากโบสถ์ พอจะก้าวออกจากโบสถ์ ท่านก็เรียกกลับไป ท่านบอกว่า "ไอ้ชม กูสู้มดตัวเล็กไม่ได้ กูก็คงสำเร็จอะไรไม่ได้" แล้วในคืนนั้นเอง หลวงพ่อสดท่านก็ได้บรรลุ วิชชาธรรมกายในโบสถ์หลังนี้ โดยมีมดเป็นสักขีพยาน 

      ในช่วงที่หลวงพ่อสด ไปเป็นเจ้าอาวาสที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ มีคนแถววัดโบสถ์ ที่ตามไปบวชอยู่กับท่าน เป็นลูกของตากล่อม ชื่อ นายถวิล นายถวัลย์ คนชื่อถวิล ได้เป็นพระครูปัญญาภิรัต เป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิของหลวงพ่อ มีหน้าที่คอยดูแลพระให้หลวงพ่อสด 

   หลวงพ่อ (พระครูมงคลพัฒนคุณ) วัดโบสถ์บน บอกว่าคุ้นเคยกับพระครูปัญญา มีเวลาไปวัดปากน้ำ ก็จะแวะไปที่กุฏิของพระครูปัญญา ไปตั้งแต่สมัยที่ยังไม่ได้เป็นพระครู

      ลุงชมอายุได้ 20  ปี ก็บวชเป็นพระที่วัดโบสถ์บน  มีหมายเรียกให้ลุงไปเกณฑ์ทหาร  

      สมัยนั้นทุกคนกลัว การไปเป็นทหารมาก จะไปให้หมอดีๆช่วย โยมของลุงชม ไปขอให้หลวงพ่อสดช่วย ไม่ให้ถูกทหาร บอกว่าอยากให้ไอ้ชมบวช อีกสัก 1-2 พรรษาแล้วค่อยสึก ท่านก็บอกว่า "เออคุณ มันการบ้านการเมืองนะ ถ้าคนไม่ถูกทหารหมด บ้านเมืองจะอยู่ได้ยังไง"

    ลุงชมก็นั่งฟังท่าน แล้วท่านก็หันมาทางลุงชม แล้วก็บอกว่า เอ้าคุณลองดู คุณไปตักน้ำมาถังหนึ่ง เอาคาถานี้ไปภาวนา จุดธูปจุดเทียนเข้า ภาวนาว่า "นะ มะ พะ ทะ หญิงชายทั้งหลายเห็นหน้าเมตตาจิต พุทธะสังมิ" พอใจนิ่งดี ก็เอาน้ำมนต์รดเลย รดแล้วก็เปลี่ยนผ้าไปเลย ไม่ต้องไปคุยกับใคร จนกว่าเราจะเสร็จกิจที่ไปทำ

ลุงชมตอนนั้นเป็นพระอยู่ ก็กลัวเป็นทหาร ท่องบทภาวนาไปเรื่อยๆ เดินไปภาวนาไป พอไปถึงที่ เขาเรียกลุงชมไป เขาก็ตรวจตา ตรวจหัวเข่า เขาก็ถามว่าคุณไม่เคยเป็นอะไรหรือ ลุงชมก็ตอบว่าไม่เคย (ขณะนั้นในใจลุงชมภาวนาตลอด) แล้วเขาก็บอกประเภท 2 ให้กลับบ้านได้ ลุงชมดีใจ 

     เดี๋ยวนี้ลุงชมไม่อยู่แล้ว ถ้าอยู่อายุก็ร่วม 100 ปี ไม่งั้นคงจะได้พูด ได้คุยเรื่องราวต่างๆ กับลุงชม   

หลวงพ่อพระครูมงคลพัฒนคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดโบสถ์ (บน)  ท่านบอกว่า นี่เป็นเรื่องราวที่ลุงชมได้เล่าให้ท่านฟังเกี่ยวกับหลวงพ่อสด ครั้งมาที่วัดโบสถ์ (บน) บางคูเวียง

 (เรื่องเล่าโดย ลุงชม ทองสุขมาก บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 1)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 87 โดยสิงหล 25 ต.ค. 58


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 87 โดยสิงหล 25 ต.ค. 58


   ลุงชมเกิดปีขาล พ.ศ. 2445 เป็นคนบางคูเวียง พบหลวงพ่อสด (หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ) ครั้งแรก ลุงอายุได้ 15 ปี หลวงพ่ออธิการชุ่ม (เจ้าอาวาสวัดโบสถ์บน) เคยถวายคัมภีร์มูลกัจจายน์และคัมภีร์พระธรรมบถให้หลวงพ่อสดตอนเรียนปริยัติธรรม 

       หลวงพ่อสดท่านรู้จักกับ หลวงพ่อนกที่วัดสองพี่น้อง สุพรรณบุรี ตอนท่านไปเอาดิน มาปั้นหุ่นพระ และเอามาทำดินสอเขียนขอมแท่งใหญ่เอาไว้เขียนบนกระดานชนวน ดินมีลักษณะเป็นดินขาว

         ช่วงนั้นหลวงพ่อสด เรียนอยู่ที่วัดโพธิ์ ส่วนหลวงพ่อนกอยู่ที่วัดโบสถ์(บน) บางคูเวียง 

       แล้วมีวันหนึ่ง หลวงพ่อสดท่านมาเยี่ยมหลวงพ่อนกที่วัดโบสถ์ สมัยนั้นพระอธิการชุ่ม เป็นเจ้าอาวาส หลวงพ่อนกจะชวนหลวงพ่อสดไปฉันด้วยกัน 2 องค์ บนหอฉัน ทุกเช้าลุงชมจะเอาเรือพายออกไปรับอาหารบิณฑบาต พายเรือไปตามคลองบางกอกน้อย แล้วนำภัตตาหารมาถวายหลวงพ่อนก หลวงพ่อนกก็เรียกหลวงพ่อสดมาฉันด้วยกัน นอกจากนี้ลุงชมคอยอุปัฏฐากหลวงพ่อนก พอเวลาหลวงพ่อสดมา ก็ต้องมาอุปัฏฐากหลวงพ่อสดด้วย หลวงพ่อสดเห็นไอ้ชมก็เมตตาสอนหนังสือหนังหาให้ หลวงพ่อนกท่านจะให้หลวงพ่อสดไปเทศน์แทน 

      มีครั้งหนึ่ง ลุงชมพายเรือพาหลวงพ่อสด ไปเทศน์ที่วัดสิงห์ ลุงชมไม่เคยฟังหลวงพ่อสดเทศน์ เทศน์กับเจ้าคุณวัดโมลี ซึ่งตอนนั้น ท่านยังเป็นแค่พระครู(เจ้าคณะอำเภอบางบัวทอง) จำได้ว่าหลวงพ่อสด บอกกับพระครูว่า ท่านตอบให้ดีๆนะ ท่านเป็นถึงพระครูนะ พระครูนันทปรีชา แปลว่าเป็นผู้มีปรีชาในมณฑลนี้ เป็นการปุจฉา-วิปัสสนา ระหว่างพระ 2 รูป พอเย็นลุงชมก็พายเรือพาหลวงพ่อสดกลับ กิจวัตรที่หลวงพ่อสด ท่านทำเป็นประจำคือ เวลาบ่าย 2 โมง ท่านจะเข้าปฏิบัติสมาธิในโบสถ์ บรรยากาศแต่ก่อนรอบโบสถ์จะมีต้นไม้มาก เป็นป่าล้อมรอบ บริเวณโดยรอบเงียบ มีอาจารย์ฉิ่งเป็นอาจารย์สอนหนังสือขอม มาจากสำนักวัดระฆัง ท่านชอบมาลองภูมิหลวงพ่อสดอยู่เรื่อย หลวงพ่อท่านรำคาญก็กลับไปอยู่วัดโพธิ์ หลวงพ่อสดท่านไปๆมาๆ วัดโบสถ์อยู่เรื่อย และอีกทั้งท่านรำลึกถึงอุปการะคุณ ที่หลวงพ่ออธิการชุ่ม ถวายคัมภีร์มูลกัจจายน์ และคัมภีร์พระธรรมบถให้สมัยเรียนพระปริยัติธรรม หลวงพ่อสดจึงบังเกิดความคิดว่า ถึงแม้ในวัดเชตุพนฯ จะมีที่กว้างขวางก็ตาม แต่หลวงพ่อชุ่มท่านก็มีอุปการะคุณอยู่มากทีเดียว จึงควรที่จะแทนคุณท่าน 

      ในพรรษาที่ 12 หลวงพ่อสดจึงเดินทางมา จำพรรษาที่วัดโบสถ์ (บน) หลวงพ่อนกมักจะให้ หลวงพ่อสดไปเทศน์ แทนท่านเสมอ ลุงชมก็ไปปฏิบัติ ไปนวดหลวงพ่อสดเป็นประจำ   

        มีอยู่วันหนึ่ง กำลังนวดหลวงพ่อ อยู่ในโบสถ์ หลวงพ่อก็ถามว่า "ไอ้ชม มึงกำลังนวดอะไรอยู่"

ลุงชมตอบ "ก็นวดอาจารย์ยังไง" หลวงพ่อบอก "มึงนวดตู้พระธรรมเชียวนะ"

   (เรื่องเล่าโดยลุงชม ทองสุขมาก บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 1)


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 86 โดยสิงหล 24 ต.ค. 58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 86 โดยสิงหล 24 ต.ค. 58
   พระครูปัญญาภิรัต นามเดิมว่า ถวิล ศรีบุญรัตน์ เกิดเมื่อวันเสาร์ ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2457 เกิดที่ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เมื่ออายุ 7 ปี นายกล่อมผู้เป็นโยมบิดา เป็นคนบางคูเวียงได้ทราบกิตติศัพท์ของหลวงพ่อวัดปากน้ำ จึงเกิดศรัทธาในวิชชาธรรมกาย ถึงไปๆมาๆ ติดต่อกับวัดปากน้ำ จนเกิดความคุ้นเคยกับหลวงพ่อ  จึงได้นำบุตรชายซึ่งติดตามมาวัดอยู่เสมอ เข้าฝากเป็นศิษย์ของหลวงพ่อ และเมื่ออายุครบ 8 ปี ก็เข้าศึกษาอักษร สมัยที่โรงเรียนประชาบาลวัดปากน้ำ ซึ่งหลวงพ่อตั้งขึ้นด้วยความปรารถนาเพื่อสร้างกุลบุตรกุลธิดา ให้มีความรู้ความฉลาดจนจบ ป. 4 ของโรงเรียน
   เมื่อออกจากโรงเรียนประชาบาล เพราะจบหลักสูตรแล้ว ด้วยความพอใจและความปรารถนาของพ่อที่จะให้บรรพชา เพื่อศึกษาทางพระพุทธศาสนา จึงได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่ออายุได้ 16 ปี โดยบวชวันที่ 5 พฤศจิกายน 2473
 ซึ่งวันนั้นเป็นวันพุธ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 พอดีเป็นวันลอยกระทง บวชที่อุโบสถวัดโบสถ์ (บน) บางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ซึ่งสมัยนั้นมีพระอธิการนก วัดโบสถ์ (บน) เป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้
     สามเณรไปมาหาสู่ ระหว่างวัดโบสถ์ (บน) กับวัดปากน้ำเป็นประจำ  เมื่ออายุได้ 21 ปี จึงอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ในวันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม 2478 ตรงกับวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 8 ปีกุน โดยมีพระครูบริหารบรมธาตุ (ป่วน) วัดนางชี เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระครูสมณธรรมสมาทาน (สด จนทสรเถร) วัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า ธมฺมภิรโต
   ในสมัยที่พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อวัดปากน้ำ) ยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้รับมอบหมายจากหลวงพ่อให้เป็นเจ้าหน้าที่ขานชื่อพระ และได้เป็นผู้ปกครองดูแลความประพฤติของพระ เป็นหูเป็นตาแทนหลวงพ่อ และได้ช่วยหลวงพ่อหาเงินบูรณะปฏิสังขรณ์และก่อสร้างเสนาสนะภายในวัด จนกระทั่งหลวงพ่อวัดปากน้ำมรณภาพ ท่านพระครูปัญญาภิรัต เป็นเพื่อนสหธรรมิกกับพระครูมงคลพัฒนคุณ วัดโบสถ์บน และได้มาเยี่ยมเยียนไปมาหาสู่กันอยู่เสมอในสมัยที่พระครูมงคลวัฒนคุณยังดำรงสมณศักดิ์ เป็นพระครูใบฎีกา
   ในปี พ.ศ. 2507 ท่านได้รับแต่งตั้ง เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ได้ช่วยดูแลกิจการงานของสงฆ์ ในวัดปากน้ำมาตลอด จนถึงวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2526 พระครูปัญญาภิรัต ท่านก็มรณภาพ นับว่าพระครูปัญญาภิรัต เป็นผู้ทำประโยชน์ให้อย่างมากกับพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะวัดโบสถ์ (บน) และวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

   (เรื่องเล่าโดย พระครูปัญญาภิรัต (ถวิล ศรีบุญยรัตน์) บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 1)

#บุคคลยุคต้นวิชชา

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 85 โดยสิงหล 23 ต.ค. 58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 85 โดยสิงหล 23 ต.ค. 58
     หลวงพ่อจะรับแขกเป็นเวลา จะมีนั่งสมาธิแก้โรคด้วย ตอนเช้าจะนั่งแก้โรค ถ้าวันพฤหัสฯ หลวงพ่อจะลงสอน  
  ท่านจะสอน ในการจัดของให้หลวงพ่อ ก่อนเวลาที่จะลงอธิบายธรรมะ  จะมีกระโถน 1 ใบ กระดาน เตรียมไว้เรียนทุกวันพฤหัส
   สมัยนั้นฤดูเข้าพรรษาคนเยอะ จะต้องมีเทศน์ทุกวัน ฉันมีหน้าที่ตีกลองตอน 11 โมงก็ได้ตี  
     ตอนหลวงพ่อเทศน์ มีคนฟังเต็มศาลา ท่านจะจัดเวลาไว้สำหรับอบรมชี ส่วนพระท่านจะอบรมในโบสถ์ 
     ตอนหลวงพ่ออาพาธ ท่านจะทานข้าวต้มตลอด กลางวันฉันข้าวสวย ท่านก็ฉันเยอะเหมือนกัน จะทำสำรับพิเศษ ไว้สำหรับหลวงพ่อ อาหารที่หลวงพ่อฉันเหลือ ก็จะมีคนกินต่อ เพราะว่าอาหารหลวงพ่อ ถือว่าเป็นยาของหลวงพ่อ ทุกๆอย่างที่เราทานเป็นยาทั้งนั้น พวกน้ำปานะก็จะเป็นน้ำส้มคั้น โดยเฉพาะน้ำอ้อยหลวงพ่อจะชอบฉันมาก
   แม่ชีได้รับบุญซักจีวรให้หลวงพ่อด้วย เขาเก็บมาให้แล้วก็ซัก ใช้ผ้าจีวรสำเร็จ ซักแล้วก็ย้อม หลวงพ่อชอบสะอาด เปลี่ยนทุกวัน มีสบง จีวร สังฆาฏิ (แม่ชีได้ขอปวารณา กับหลวงพ่อว่าจะรับบุญซักจีวร หลวงพ่อก็อนุญาต)
   หลวงพ่อท่านชอบดอกมะลิร้อยเยอะเลยคะ สมัยก่อนหอมมาก ใครมาก็เอาดอกมะลิมาถวายหลวงพ่อ แม่ชีมาอยู่ทันหลวงพ่อ 7 ปี ซักจีวรให้ท่านตั้งแต่ยังไม่ป่วย ต่อมาหลวงพ่อท่านมรณภาพก็เสียใจ สังขารท่านไม่ไหวแล้ว แต่ไม่ร้องไห้ สังขารไม่เที่ยง อยู่ก็ทรมานสังขาร    
    เพราะคิดอย่างนี้ จึงไม่ร้องไห้ ไม่เคยเจออัศจรรย์อะไรกับหลวงพ่อ ทำงานอย่างเดียว  
     ท่านบอกว่า ดวงบุญจะได้ไม่เท่ากัน เวลาทำอาหาร ท่านจะบอกว่าทำไปนะ บุญใหญ่นะ ได้บุญเป็นฟ้าครอบ แม่ชีทำครัว ก็ทำกันเต็มที่ คนที่มาทำบุญ จะได้ไม่เท่ากันนะ ดวงบุญใหญ่ไม่เท่ากัน ตอนนี้แม่ชีก็อายุ 92  แล้ว  
     แม้จะสิ้นหลวงพ่อไปแล้ว แต่ภายในใจยังคงมีหลวงพ่อเป็นที่พึ่งที่ระลึกอยู่ในใจตลอดเวลา 

   (เรื่องเล่าโดยแม่ชีศรีปรุง อุบลนุช บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 1)

#บุคคลยุคต้นวิชชา

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 84 โดยสิงหล 22 ต.ค. 58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 84 โดยสิงหล 22 ต.ค. 58

หากใครมีโอกาส ได้ไปถวายภัตตาหาร ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญฯ จะเห็นว่าพระทุกองค์ นั่งฉันกันอย่างเป็นระเบียบ วงฉันทุกวงจะจัดเตรียมไว้ อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ทั้งกระโถน แก้วน้ำ กาน้ำ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป็นสิ่งที่หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ได้วางแบบแผนไว้ทั้งสิ้น ซึ่งแม่ชีศรีปรุง อุบลนุช ท่านถ่ายทอดถึงเหตุ ที่มาพบหลวงพ่อและสิ่งที่หลวงพ่อได้สั่งสอนแนะนำ ในการจัดภัตตาหารว่า มีคนส่งรูปหลวงพ่อไปให้ พอเห็นรูปหลวงพ่อเท่านั้น ก็เกิดศรัทธาอยากมาวัดปากน้ำผู้ชายนะเขามีโอกาสได้บวช แต่ผู้หญิงเราไม่มีโอกาส ต่อมาก็มีคนมาหาหลวงพ่อ มาจากนครปฐม การเดินทางมาก็ลำบาก ไม่เหมือนปัจจุบัน พอมาหาหลวงพ่อ หลวงพ่อก็บอกให้ไปหาแม่ครัว ท่านรับบวชให้ มาตอน พ.ศ.2495 ได้บวชวันที่ 9 เดือนเมษายนพอดี ตอนนั้นพออยู่มา ก็ทำหน้าที่จัดอาหาร จัดสำรับเลี้ยงพระ ยังไม่ได้เข้าครัว คอยจัดโต๊ะ ตั้งน้ำ แล้วตักข้าวมาตั้งตามโต๊ะ ตอนนั้นพระมากกว่าปัจจุบันนี้ ประมาณเกือบ 700
พระเณร แม่ชี ก็เยอะเหมือนกัน ปูผ้าจัดโต๊ะสมัยนี้สบายกว่า เขามีขวดมีแก้ว ฉันมีเพื่อนสนิทชื่อ แม่ชีบุญส่ง จรูญผล เคยมาร่วมปฏิบัติธรรม กับกลุ่มของคุณยายทองสุขและแม่ชีจันทร์ ที่บ้านหลังเก่า (ตึกอนาลัยเดิม)
พอตี 3 แม่ชีต้องลุก ตวงน้ำใส่แก้ว ตั้งตามโต๊ะ กระโถนผ้า อยู่ตรงกลาง เดี๋ยวนี้ไม่ต้องตวงน้ำแล้ว มีแก้วกับขวดตั้งสะดวกสบาย หลวงพ่อท่านเคยเรียกแม่ชี และบอกว่าโต๊ะตั้งตรงนี้นะ กระโถนตั้งตรงนี้ ตั้งเป็นระยะๆ ถ้าจะปูตรงกลาง แล้วมีแก้วน้ำ กาน้ำ แก้วน้ำนี้ต้องตวงด้วย ท่านบอกต้องทำให้สะอาดนะ ทำไปนะ กุศลใหญ่ บุญใหญ่ สมัยนั้นยังใช้น้ำกรอง ตักจากแทงค์ใหญ่ หลวงพ่อจะลงฉัน เวลาพระฉัน ก็ได้ยินแต่เสียงช้อน ไม่ให้คุยกัน พระเยอะๆ ก็ไม่ให้นั่งคุย ถ้าคุย ท่านจะถามว่า "ฉันข้าวหรือกินเหล้า" ไม่ให้พูด ได้ยินแต่เสียงช้อน เพราะว่าเป็นชามกระเบื้อง แต่ก่อนแม่ชีท้วมเป็นแม่ครัว ดูแลทั้งหมด มาอยู่ก่อน 5 ปี แม่ชีเขาจะมีเวรทำวิชชาไม่ขาดเลย พอเวรนี้ออกคนโน้นก็มาแทน เปลี่ยนเวรกัน ไม่ให้ขาด หมุนเวียนไปเรื่อยๆ แล้วเราจะจัดสำรับแยก เอาไว้ให้ต่างหากสำหรับแม่ชีที่ได้ธรรมกาย ทำมาจนถึงเดี๋ยวนี้

(เรื่องเล่าโดย แม่ชีศรีปรุง อุบลนุช บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม1)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 83 โดยสิงหล 21 ต.ค. 58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 83 โดยสิงหล 21 ต.ค. 58


เมื่อก่อนวัดปากน้ำ ไม่มีอะไรหรอก ริเริ่มก็เป็นวัดเก่าแก่ กุฏิก็มีไม่กี่หลัง
สมัยหลวงพ่อ ที่นี่ก็เป็นสวนพลู สวนหมาก สวนมะพร้าว สวนเงาะ
กุฏิเป็นเล็กๆ ยกขึ้น ปลูกด้วยไม้สัก พักได้องค์เดียว อยู่ตามร่องสวน
สมัยหลวงพ่อ ตึกยังไม่มี ยกโรงกลางสนามวัดให้พระได้ศึกษาเล่าเรียนปริยัติธรรม ไม่ได้สร้างอะไร
อยู่มาพระเณรมากขึ้น ไม่มีที่ศึกษาเล่าเรียน มีคนเขาให้หลวงพ่อช่วยสร้าง โรงเรียนขึ้นสักหลัง
ต่อมาจึงมีการสร้างพระของขวัญขึ้น องค์ละ 25 บาท เพื่อนำเงินมาสร้างโรงเรียน

หลวงพ่อบอกว่า เราต้องสร้างคนเสียก่อน ให้มีความรู้ ความเข้าใจในพระพุทธศาสนา รู้จักธรรมะ ให้รู้จักบุญ รู้จักบาป รู้จักคุณ รู้จักโทษ เดี๋ยวเขาก็สร้างเอง เขามีศรัทธา เดี๋ยวเขาก็สร้างเอง ไม่ต้องบอก
แล้วอีกอย่างหนึ่ง ที่หลวงพ่อสอนทุกเช้า คือเมื่อพระภิกษุสามเณรบวชมาแล้ว ให้ตั้งอยู่ในพระธรรมวินัย ไม่ต้องวิ่งไปหาญาติโยม ให้อยู่ในวัด ประพฤติปฏิบัติให้ดี เมื่อเราประพฤติปฏิบัติดี เดี๋ยวเขาก็เกิด ความเลื่อมใสศรัทธา ก็เอาอาหารมาถวายเอง หลวงพ่อมีอุดมคติอย่างนั้น พระภิกษุสามเณร อุบาสก แม่ชี จึงต้องปฏิบัติกันทุกคน ไม่ต้องกลัวอด ถ้าอดเป็นอด ตายเป็นตาย ขอให้เราประพฤติ ปฏิบัติจริง ตั้งอยู่ในพระธรรมวินัยจริง มนุษย์ไม่เห็น เทวดา ผีสางก็เห็นเขาก็สรรเสริญเอง
ตามปกติหลวงพ่อตื่นแต่เช้า ตี 3 ตี 4 นั่งสมาธิพอโมง ตีระฆัง หลวงพ่อลงไปฉันข้าวต้มที่ศาลา เสร็จแล้วพวกเราก็สวดมนต์ทำวัตรในโบสถ์ 7 โมงเช้า เมื่อทำวัตรเสร็จ หลวงพ่อก็จะ อบรมพระครึ่งชั่วโมง ถึง 8 โมง ก็ออกจากโบสถ์ ถ้ามีแขกท่านก็รับแขก ถ้าไม่มี ท่านก็เข้าทำสมาธิของท่านถึง 11โมง ประมาณ 10.30 น. ถ้ามีแขกก็จะออกมารับ ฉันข้าวเพลเสร็จ ประมาณ 12.30 น.
หลวงพ่อก็จะเข้าปฏิบัติต่อ ท่านจะรับแขกเป็นเวลา
หลวงพ่อมีลูกศิษย์ลูกหาอยู่ทั่วประเทศ สมัยนั้นพระเณร หลวงพ่อไม่ให้มีวิทยุ โทรทัศน์ ไม่ให้จับเงิน จับทอง แต่ก่อนพระเณรที่มาอยู่กับหลวงพ่อ ให้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหาร หลวงพ่อมีโรงครัวเลี้ยง มีพระจบเปรียญกันมากมายจากวัดปากน้ำ
หลวงพ่อสด ท่านสอนว่า ใครจะโจมตีเรายังไงก็แล้วแต่ ท่านให้เราเป็นเสาหิน เรียกว่าจะมีพายุทั้ง 4 ด้าน มาเราก็เฉย มีครั้งหนึ่งมีคนมาด่าหลวงพ่อที่หน้าโบสถ์ ขณะหลวงพ่อกำลังเทศน์อยู่ หรือมีคนเอาปืนมาลอบยิงท่าน ท่านก็ไม่ว่าอะไร อยากจะทำอะไรก็ทำไป เพราะเขาอิจฉาหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านบอกว่า เราหยุด หยุดเป็นพระ ชนะเป็นมาร เราไม่หนี เราไม่สู้ แต่เราปฏิบัติ เราก็ทำความดีของเราเรื่อยๆ เดี๋ยวไอ้พวกมาร พวกอิจฉาก็หายไปเอง พอเห็นคนมามากๆเข้า ช้าเร็วมันก็เข้ามาเอง วันนี้ไม่เข้า วันหน้าอาจจะเข้า ปีนี้ไม่เข้า ปีหน้าอาจจะเข้าเอง เรานั่งเฉย ไม่ต้องไปตอบโต้อะไร เขาด่าเราภายใน 7 วัน เหนื่อยมันก็หยุดไปเอง ไม่โต้ตอบ ชนะด้วยความดี
ในการมาเรียนพระปริยัติธรรม แต่ก่อนมีพระเณรมาเรียนกันมาก มีถึง 600 กว่าองค์ หลวงพ่อบอกว่าเลี้ยงไหว ท่านบอกว่าเมื่อตั้งใจมาเรียนแล้ว แม้จะคับที่ก็ขอให้อยู่ได้
อัศจรรย์อย่างหนึ่งคือ หลวงพ่อเลี้ยงอาหารไหวตลอดเดี๋ยวก็มีคนเอาข้าว เอาอะไรต่ออะไรมาถวายทีหนึ่งก็เป็นลำเรือ

(เรื่องเล่าโดยพระอาจารย์สุวิชา เปสโล คณะเนกขัมม์ วัดปากน้ำ บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 1)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 82 โดยสิงหล 20 ต.ค.58


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 82 โดยสิงหล 20 ต.ค.58

เดิมหลวงพ่อ บวชเป็นสามเณรตั้งแต่อายุ 17 ขวบ ที่อ.นางรอง บุรีรัมย์ บวชอยู่ 2 ปี แล้วมาเรียนต่อที่วัดบึงโคราช อยู่วัดบึง พออายุครบบวช ก็ไปบวชที่วัดใหม่ อ.นางรอง บวชปี พ.ศ.2490 อาตมาอยู่จังหวัดนครราชสีมา
ตอนนั้นก็สืบประวัติว่า ในกรุงเทพมีหลวงพ่อองค์ไหนบ้างที่เป็นนักปฏิบัติ ในสมัยนั้นนะ เรียกว่าปฏิบัติแล้วได้ประโยชน์ทั้งทางโลกและทางธรรม
ได้ข่าวว่ามีหลวงพ่อวัดปากน้ำ ตอนนั้นเป็นวัดสวน ต้องไปลงเรือที่ตลาดพลู เป็นเรือจ้าง มาขึ้นที่วัดปากน้ำ แล้วก็เข้ามาหาหลวงพ่อ เข้าไปกราบท่าน ตอนนั้นประมาณ 5 โมงเย็น
สมัยนั้นหลวงพ่อลงสอนด้วยตัวท่านเอง มีคนสนใจมากราบท่านเป็นจำนวนมาก
ช่วงนั้นมีพระเณรอยู่วัด 80 กว่ารูป อาตมาขออยู่กับท่านในปี 2491 หลวงพ่อท่านก็รับมาอยู่ แต่มีสัญญา 2ข้อที่ท่านให้ไว้คือ
1. ต้องตั้งใจศึกษาเล่าเรียนคือ คันถธุระ ศึกษาระเบียบแบบแผน ขนบธรรมเนียมประเพณีของพระ
2. เรื่องวิปัสสนาธุระ เป็นเรื่องปฏิบัติ เรียนเท่าที่เราจะเรียนได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะไปปริยัติไหวไหม จะไปปฏิบัติไหวไหม
อาตมาเรียนปริยัติจนจบนักธรรมเอก แล้วก็เรียนบาลีต่อ 4-5 ปี สุขภาพไม่อำนวย ก็หันมาทางปฏิบัติ วิปัสสนาในพ.ศ. 2493 นอกจากนี้ ยังช่วยวัดเป็นอาจารย์สอนปริยัติธรรมชั้นตรี โท เอก เรื่อยมาสอนมา 24 ปี
หลังจากนั้น พระเณรที่เรียนสำเร็จมีมากขึ้น ก็เลยให้มาช่วยสอนแทน
ก็อยู่เรื่อยมา จนหลวงพ่อมรณภาพ อาตมาก็ไม่ได้ไปไหน มีเคยไปช่วยสอนที่อ.บางเลน จ.นครปฐม 1 พรรษา แต่ก่อนอายุยังไม่มาก ก็ช่วยบรรยายธรรมะอยู่บนหอหลวงพ่อ เทศน์ให้กับผู้มานั่งเจริญวิปัสสนาเป็นประจำ แล้วก็ไปสอนอยู่ที่พุทธมณฑลซึ่งจะมีการแสดงธรรมทุกวันอาทิตย์ ก็หมุนเวียนกันไปสอน ตามแต่เขาจะนิมนต์ไป แต่เดี๋ยวนี้อาตมา 88 ปี แล้ว อายุมาก สุขภาพไม่ค่อยดี ไม่ค่อยไปไหน อยู่วัด ตั้งใจปฏิบัติสมาธิให้ได้ตลอด

(เรื่องเล่าโดย พระอาจารย์สุวิชา เปสโล คณะเนกขัมม์ วัดปากน้ำ บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 1)