โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 154 โดยสิงหล 31 ธ.ค. 58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 154    โดยสิงหล  31 ธ.ค. 58
   ตอน  นักมวยสามารถ ศรแดง
    ตอนที่ลุงหลอมมา พยาบาลหลวงพ่อ ลุงอายุ 30 กว่าปี มีเย็นวันหนึ่งประมาณ 5 โมงเย็น มีนักมวยชื่อสามารถ ศรแดง มันจะไปนอก ไปต่อยชิงแชมป์ต่างประเทศ ช่วงนั้นเขาห้ามรับแขก หลวงพ่อกำลังป่วยหนัก ห้ามรับแขกเด็ดขาด มันก็ยกมือไหว้บอก พี่ขอให้ผมไปกราบหลวงพ่อ สัก 3 ครั้ง ผมรับรองไม่พูดอะไรจริงๆ ถ้าผมพูดพี่ซ้อมผมได้เลย ลุงก็บอกไม่ได้ พอใกล้ๆค่ำ ลุงเปิดประตูออกมา ไอ้สามารถมันก็ยังนั่งคุกเข่าอยู่ไม่ยอมกลับ ฟ้าก็มืดแล้ว ไอ้เราก็ใจอ่อน มันก็ยกมือไหว้บอกพี่ขอเข้าสักหน่อย มันบอกว่าไม่พูดอะไรจริงๆ ทุกทีเวลาจะไปต่อย ต้องมาหาหลวงพ่อทุกที ให้ท่านเป่าหัว พอดีหลวงพ่อท่านออกมาพอดี 
   ใอ้สามารถก็เข้าไป กราบหลวงพ่อ บอกหลวงพ่อขอช่วยเป่าหัวให้หน่อยครับ หลวงพ่อก็คลำศีรษะแล้วก็เป่าหัวให้ แล้วมันก็กราบลากลับ ขากลับไปก็โดนลูกน้องของไอ้สมเดช ยนตรกิจ มันดักอยู่ 3 คน ไอ้สามารถเป็นคู่อริกับ ไอ้สมเดช ลูกน้องของไอ้สมเดช ดักเอาที่วัดขุนจันทร์ มันเอาใบมีดปาดเข้าที่ คอไอ้สามารถ แต่ไม่เข้า เป็นแค่ยางบอน ไอ้สามารถเลยต่อยพับไป 2 คน อีกคนวิ่งหนีไป หลังจากนั้นก็บินไปต่อย ที่ต่างประเทศ ขึ้นต่อยยกแรกก็ต่อยคู่ต่อสู้ พับไปเลย ชนะตั้งแต่ยกแรก กลับมาเมืองไทย ก็มากราบหลวงพ่อวัดปากน้ำ เอาผลหมากรากไม้ มาถวายท่าน
   ตอนลุงหลอมมีอายุได้ 81 ปี ลุงได้เปิดใจถึงเป้าหมายในช่วงบั้นปลายชีวิตว่ามีความตั้งใจจะสร้างบารมีร่วมกับ หลวงพ่อวัดพระธรรมกาย(หลวงพ่อธัมมชโย)ไปตลอดจนกว่า จะถึงที่สุดแห่งธรรม ตั้งใจทำบุญให้เต็มที่ ตั้งใจทำสมาธิให้ดีที่สุด และจะ ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและ วิชชาธรรมกายตลอดไป แล้วลุงก็ทำได้ตามที่ตั้งใจ จนลมหายใจสุดท้าย  ลุงจากไปอย่างสงบ เหลือไว้แต่คุณความดี ที่ได้สร้างไว้เท่านั้น

   (เรื่องเล่าโดย ลุงฉลอม มีแก้วน้อย บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 153 โดยสิงหล 30 ธ.ค. 58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 153 โดยสิงหล 30 ธ.ค. 58

การทำบุญสมัยหลวงพ่อ
      ลุงหลอมเล่าถึงการทำบุญ สมัยหลวงพ่อวัดปากน้ำ สมัยก่อนว่าใครจะทำบุญ
ต้องไปหานายประยูร สมมุติคุณจะถวายเงิน 100 บาท ก็ต้องไปหานายประยูร นายประยูรก็จะเขียนใบปวารณา นาย ก ถวายเงินหลวงพ่อ 100 บาท ใบปวารณาที่ออกให้ คุณก็นำไปถวายหลวงพ่อ หลวงพ่อก็จะรู้ว่าคนนั้น คนนี้ ถวายเงินเท่านี้ เท่านั้น แล้วท่านก็วางใบปวารณาซ้อนๆกันไว้ ท่านจึงไม่รู้ว่าแบงก์นี้ แบงก์อะไร ท่านไม่จับเงิน แบงก์ 5 แบงค์ 10 แบงก์ 100 หลวงพ่อไม่รู้หรอก
หลวงพ่อเคยถามนายประยูรว่าไอ้แบงก์แดงๆ มันแบงก์อะไร นายประยูรบอกว่า แบงก์ละร้อย แล้วไอ้แบงก์เขียวๆ นั่นใบเท่าไหร่ หลวงพ่อท่านไม่รู้เลย
       มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อท่านเอาใบปวารณา ให้ลุงเป็นปึก ท่านบอกว่า "มึงจะได้เอาไว้ซื้ออะไรกิน" เราก็พยาบาลท่านมาตั้งนาน ท่านก็ถามว่า มีสตางค์ใช้หรือเปล่า เราก็บอกท่านว่ามีครับ เราจะบอกว่าไม่มี ก็กลัวท่านเป็นทุกข์ บอกให้ท่านหายห่วง เพราะท่านป่วยอยู่ ท่านเองก็คงจะรู้ วันหนึ่งท่านก็เอาใบปวารณา ให้ปึกหนึ่ง แล้วก็บอกว่าเอาไว้ซื้ออะไรกิน เราก็ว่าหลวงลุงฉันถ้าหลง เอากระดาษมาจะให้ไป ซื้อหาอะไรกิน มันจะไปซื้ออะไรได้ กระดาษก็มีแต่เขียนว่า คนนั้น 200 บาท คนนี้ 500 บาท คนนั้น 2,000 บาท 5,000 บาท ก็ยังมีที่ถวายหลวงพ่อสมัยนั้น ท่านให้เป็นปึกใหญ่ เราก็เอาไปเหวี่ยงทิ้งหมด ก็กระดาษจะเอาไปซื้ออะไร เดินไปก็โปรยไปเรื่อยทีละใบ สองใบ ก็ไม่รู้ พอไปคุยกับมหามนต์เข้า ถึงรู้ มหามนต์บอกว่าตายแล้วเอาไปทิ้งที่ไหน ลุงก็บอกว่า เดินโปรยไปเรื่อยๆตามวัด ถ้ารู้ว่าเอาไปขึ้นกับนายประยูรได้ จะไม่เอาไปทิ้ง ปึกนั้นร่วมสองสามหมื่นกว่าบาท เพราะเราไม่รู้จักใบปวารณา จึงคิดว่าหลวงพ่อหลง แต่ที่ไหนได้ เราคนดีๆหลงเอง

   (เรื่องเล่าโดย ลุงฉลอม มีแก้วน้อย บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 152 โดยสิงหล 29 ธ.ค.58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 152  โดยสิงหล 29 ธ.ค.58

   หลวงพ่อเป็นคนนอนไว ตื่นไว หลับไว คล้ายๆกับว่า ท่านบังคับจิตตัวเองได้ ท่านนอนอย่างมาก 5-10 นาทีเท่านั้น นอนเดี๋ยวเดียว พอเอนตัวลงนอน ก็หลับไปเลย นอนท่าไหนก็อยู่ท่านั้น ไม่มีเปลี่ยนท่า สักพักท่านก็ตื่น ท่านตื่นท่านก็ลุกทันที แล้วก็สั่งงานในโรงงานทำวิชชา ซึ่งโรงงานอยู่ติดกับกุฏิ ของท่าน แต่มีสังกะสีกั้นอยู่ หลวงพ่อจะพูดทะลุสังกะสี ถามว่าไปถึงไหนแล้ว ส่วนมากหลังจากสั่งวิชชาเสร็จแล้ว ท่านก็จะเดินมานั่งที่เก้าอี้หวาย กุฏิหลวงพ่อเรียบง่ายไม่มีอะไรมากเป็นเรือนไม้ 2 ชั้น ซึ่งหลวงพ่ออยู่ชั้นล่าง ซึ่งพื้นปูด้วยไม้กระดาน แล้วมีเสื่อน้ำมันปูอีกชั้น ในห้องนอนของหลวงพ่อ ก็มีแต่เตียงนอน ไม่มีอะไร ส่วนชั้นบนนายประยูรพักอยู่ และเป็นที่เก็บไทยธรรม
   ขณะที่หลวงพ่อป่วย หลวงพ่อไม่เคยพร่ำเพ้อ ไม่เคยร้องครวญคราง ให้คนช่วย ท่านรู้ตัวเองตลอดเวลา มีอยู่วันหนึ่งท่านบอกกับลุงว่า "กูเจ็บคราวนี้ถึงกำหนดกูแล้ว หมอให้วิเศษยังไง ก็เอากูไว้ไม่ได้ กูต้องไปงวดนี้ หยูกยาเขาให้กูกิน กูก็กิน ไม่ขัดใจเขา"
ปกติหลวงพ่อจะมีอุปัฏฐาก ที่ดูแลประจำก็คือ มหามนต์ นายประยูร และนายเปล่ง
   ของในกุฏิหลวงพ่อทุกอย่าง ไม่มีใครกล้าหยิบ เพราะท่านรู้ มีครั้งหนึ่งไอ้จุ้น มาหยิบพระของขวัญไป ขณะที่หลวงพ่อเดินไปดู  ช่างข้างนอกที่มาสร้าง โรงเรียนพระปริยัติธรรม กลับมาก็เรียก ให้ไอ้จุ้นเอาพระมาคืน คราวนี้ก็สงสัยว่าทำไมท่านรู้ ลุงก็เลยถามแม่ชีละมัย ที่อยู่ในโรงงานว่า หลวงพ่อรู้ได้ยังไง อะไรต่ออะไรที่ใครหยิบไป ท่านรู้หมด ทั้งๆที่ตัวท่านไม่ได้อยู่กุฏิ แม่ชีบอกว่าทำไมจะไม่รู้ล่ะ  ธรรมกายท่านมี ธรรมกายบอกหมด ใครหยิบอะไรต่ออะไร เดี๋ยวธรรมกายมาบอกหมด ใครจะเอาไปไว้ที่ไหนที่ไหน ก็ไม่มีพ้นหรอก ลุงเล่าว่าสมัยหลวงพ่อ มีการเขียนอาการโรคมาให้ หลวงพ่อช่วยแก้ เห็นแม่ชีในโรงงานบอกว่า ในตัวเรามีจุดดำๆอยู่ ถ้าเราทำจุดดำๆนี้หายได้ โรคก็จะหายได้

   (เรื่องเล่าโดย ลุงฉลอม มีแก้วน้อย บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 151 โดยสิงหล 28 ธ.ค. 58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 151 โดยสิงหล    28 ธ.ค. 58

เมื่อหลวงพ่ออาพาธ
         ลุงหลอมเล่าว่า ขณะที่ ไปพยาบาลหลวงพ่อวัดปากน้ำ ในช่วงที่ท่านอาพาธ 
มีสิ่งอัศจรรย์เกิดขึ้นคือ ตอนนั้นท่านเริ่มป่วยมาก ก็จะมีหลานๆมาช่วยกันดูแล ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน เป็นเวรคอยมาดูแลท่าน ก็มีไอ้จอง อาผง อาแบน อาแกละ อาเทพ พี่เริญ และลุงหลอม 7 คนเห็นจะได้ พวกเราอุปัฏฐาก จะกินอาหารที่เหลือจาก หลวงพ่อทุกวัน แต่แปลกคือกินคนละคำสองคำ 6-7 คน ก็อิ่มได้ไม่หิวอีก ตอนแรกคิดว่าถ้าไม่อิ่มจะไปซื้อหากินข้างนอก แต่ปรากฏว่าอิ่มก็เลย ไม่ได้ไปซื้อข้างนอกกิน บางครั้งนายประยูร แม่ชีท้วมก็ยังมาร่วมกินด้วย กินข้าวที่เหลือของหลวงพ่อ เป็นแรมปีก็ไม่หิว น้ำหนักก็ไม่ลดด้วย ถามคนนั้น ถามคนนี้ ทุกคนก็ยืนยันว่าอิ่ม นี่เป็นเรื่องอัศจรรย์ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะมันเป็นเรื่องจริง
   หลวงพ่อท่านจะฉันน้ำข้าว เป็นประจำทุกวัน ท่านบอกว่าข้าวมีสรรพคุณ มหาศาล ดีกว่ากาแฟ แต่พอหลังเพลไปแล้ว ปานะอะไรท่านก็ไม่ฉัน หลวงพ่อ ท่านเป็นคนเข้มแข็งมาก แม้ท่านป่วย ข้าวปลาอาหาร
ท่านไม่เคยให้ใครป้อนท่านเลย  ยาก็ไม่เคยให้ใครป้อน ท่านจัดการเองทุกอย่าง แม้กระทั่งสรงน้ำ เปลี่ยนผ้าท่านก็ทำเอง แต่บางครั้งเราก็ต้องฝืน เข้าไปทำให้ท่าน เพราะท่านป่วยแล้ว นุ่งไม่เรียบร้อย
 จะออกไปรับแขกก็อายเขา หลานๆก็เลยช่วยกัน พอนุ่งห่มท่านให้ดีแล้ว ท่านก็หัวร่อชอบใจ ท่านต้องการดูว่าเราจะกล้า เข้าไปทำให้ท่านหรือเปล่า

  (เรื่องเล่าโดย ลุงฉลอม มีแก้วน้อย บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 150 โดยสิงหล 27 ธ.ค. 58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 150 โดยสิงหล 27 ธ.ค. 58

   ไอ้เสือจุน
   อีกเรื่องหนึ่งคือ มีครั้งหนึ่ง ไอ้เสือชื่อเสือจุน อยู่ปากน้ำโพ ไอ้เสือนี่พอใช้ได้คือใส่ทองคำ 9 บาท 10 บาท เวลาเมามา ไม่เดินเข้าบ้าน ชอบนอนอยู่กลางทาง ไม่มีใครกล้าไปยุ่งเลย ไอ้เสือนี่ ก็มาบวชกับหลวงพ่อวัดปากน้ำ พวกจากจังหวัดสิงห์บุรีมาเล่า ประวัติไอ้เสือจุนให้หลวงพ่อฟัง หลวงพ่อก็ให้ไปเรียกไอ้เสือจุนมาหา ตอนนั้นลุงยังหนุ่มอายุ 20 กว่าๆ เสือจุนมาบวชกับหลวงพ่อ เช้าๆก็เที่ยวเดินกวาดอะไรที่มักรกตามถนนหนทาง ตามโบสถ์ พระเณรเห็นก็หัวร่อหลวงตาจุน แล้วก็บอกว่าหลวงตาจุนกวาดขี้หมา หลวงตาจุนก็มาบ่นที่บ้านปู่นะ (ปู่ของลุงหลอม) อยู่ภายในวัดบอกว่า “โยม ฉันถ้าจะทนไม่ไหว เกิดมาไม่เคยมีใครมา หัวเราะเยาะฉัน หาว่าฉันกวาดขี้หมา ฉันชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ” ปู่ก็ให้กำลังใจว่า เรามาบวชแล้ว ไหนๆ ก็ละความชั่วแล้ว จะสึกออกไปหากรรมทำไมล่ะ เขาว่าอย่างงั้นก็เข้าตัวเขา  เราตั้งหน้าตั้งตาทำความดี ก็แล้วกัน พอต่อมาวันหนึ่งหลวงตาจุน กำลังกวาดโบสถ์อยู่ หลวงพ่อวัดปากน้ำเดินมาหา แล้วก็ชี้หน้าว่า “มันต้องอย่างนี้ ถึงจะใช้ได้ กวาดเอาบุญเอากุศล ไปข้างหน้า บ้านเราก็สะอาด ใจคอเราก็สะอาดด้วย แล้วมีใครได้กวาดอย่างนี้อย่างเราบ้างล่ะ ใครว่าอะไรเราไม่ต้องกลัว เราทำความดีของเราแล้ว อย่าไปคิดอะไรทั้งหมด” หลวงตาจุนได้ยิน ดีใจ หลวงพ่อชมเชย จึงบวชอยู่ตลอดไม่คิดสึกอีกต่อไป

  (เรื่องเล่าโดย ลุงฉลอม มีแก้วน้อย บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 149 โดยสิงหล 26 ธ.ค. 58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 149 โดยสิงหล 26 ธ.ค. 58

เรื่องของหลวงจบ
       ลุงหลอมยังได้เล่าถึง เรื่องของหลวงจบกระบวนยุทธ (เดิมชื่อแช่ม) ซึ่งเป็นพ่อตาของจอมพลถนอม กิตติขจร ท่านมาหาหลวงพ่อวัดปากน้ำ ขอให้หลวงพ่อไปตามหาพ่อให้ ซึ่งพ่อของหลวงจบฯ เป็นแขกฆ่าวัว ฆ่าควาย พ่อแกส่งหลวงจบฯไปเรียน นายร้อย จนกระทั่งเรียนจบนายร้อย ได้ร้อยโท ต่อมาพ่อของหลวงจบฯ ก็ตายไป 9 ปี นานจนถึง 20 ปี ก็ไม่ได้ข่าวคราว เงียบไปเลย คราวนี้หลวงจบ แกก็ได้ข่าวว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำ เก่งอย่างงี้ ดีอย่างงั้น แกก็คิดอยากจะมาทดลองดู ว่าจะเก่งจริงหรือไม่จริง
      อยู่มาวันหนึ่งแกก็ มาหาหลวงพ่อ มากราบ ตอนนั้นแกเป็นพ่อตาของ นายกรัฐมนตรี (จอมพลถนอม กิตติขจร) แล้วหลวงพ่อท่านก็ถามว่า “มาธุระอะไร” หลวงจบฯก็บอกว่า ผมได้ทราบข่าวว่า เห็นเขาลือกันว่าหลวงพ่อเก่ง มีวิชชาดี เห็นเขาเล่าให้ฟัง ผมก็อยากมาขอความกรุณา หลวงพ่อ เรื่องก็มีอยู่ว่าบิดาของผม เสียชีวิตมานานเป็น 20 ปีแล้ว จะไปเหนือไปใต้ผมก็ไม่รู้ แล้วก็ไม่เคยมาเข้าฝัน หรือมาให้เห็นเลย อยากจะให้หลวงพ่อ ดูให้สักหน่อย ว่าไปอยู่ที่ไหน จะไปลำบากลำบนหรือเปล่า ถ้าแกไปลำบากผมจะมาขอ บารมีหลวงพ่อให้ช่วย หลวงพ่อท่านก็เลยเรียกแม่ชีในโรงงานทำวิชชามา แล้วก็สั่งว่า เอาไปดูให้เขาที ขึ้นไปดูข้างบนก่อนนะ เพราะตายไปหลายปีแล้ว แม่ชีก็หลับตาไปพักใหญ่ แล้วก็บอกว่าไม่เห็นมีเลยหลวงพ่อ ท่านก็บอกว่าเอ้างั้นลงไปดู ข้างล่างซิมีไหม แม่ชีก็หลับตาไปอีกสักพัก แล้วก็บอกหลวงพ่อว่าไม่มี หลวงพ่อก็บอกว่าไม่มีได้ยังไง ข้างบนก็ไม่มี ข้างล่างก็ไม่มี มันต้องมีสิ ลงไปดูให้ลึกกว่านี้อีก จี้ให้มันลึกลงไปอีก ดูซิมันจะอยู่ยังไง แม่ชีก็หลับตาไปอีกพักใหญ่ แล้วก็บอกว่าเจอแล้วหลวงพ่อ ท่านก็ถามว่าไปอยู่ลึกมากไหม แม่ชีก็ตอบว่า อยู่ลึกมากค่ะหลวงพ่อ แล้วถามเขาหรือเปล่าว่า ทำไมจึงได้ลงไปอยู่ลึก ขนาดนั้น เขาบอกว่าฆ่าวัว ฆ่าควาย เชือดวัว เชือดควาย ขายเป็นประจำวันละ 3-5 ตัว แล้วถามเขาหรือเปล่าว่า ชื่ออะไร แม่ชีก็ตอบว่าถามค่ะ เขาบอกว่าชื่อโต๊ะลู พอบอกชื่อเท่านั้น หลวงจบฯก็ร้องไห้ คลานเข้าไปกราบหลวงพ่อ หลังตีนเลย
   ตั้งแต่นั้นมาหลวงจบฯ นับถือหลวงพ่อวัดปากน้ำ เรื่อยมา เลิกนับถือแขก แล้วก็หันมานับถือ พระพุทธศาสนาแทน หลวงจบฯมีน้องชายอยู่คนหนึ่งชื่ออาหมัด มีอาชีพเชือดวัวขายเหมือนกัน หลวงจบฯก็เรียกอาหมัด มาคุยว่า ให้เลิกซะ บอกว่ามันบาปหนัก ยื่นคำขาดว่าถ้ากูบอกมึงแล้ว ไม่เชื่อ มึงกับกูก็เลิกกัน ไม่ต้องมาเรียกพี่เรียกน้อง กันอีก อาหมัดก็เลิกขายวัวจริงๆ ตามคำของหลวงจบฯ เพราะกลัวบาป

  (เรื่องเล่าโดย ลุงฉลอม มีแก้วน้อย บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 148 โดยสิงหล 25 ธ.ค. 58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 148 โดยสิงหล 25 ธ.ค. 58

คุณค่าของเงินทอง
      ลุงหลอมยังจำคำพูด ของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ที่ท่านบอกว่า สมัยก่อนไอ้แก้วสารพัดนึก มันมีจริง นึกจะเอาอะไรก็เอาได้ นึกจะทำอะไรก็ทำได้ แต่เดี๋ยวนี้มันหมดแล้ว สมัยเดี๋ยวนี้มันก็เหลือแต่เงินนั่นแหละ ที่จะเป็นแก้วสารพัดนึก ท่านบอกว่ารัฐบาลเขาผลิตมา แม้แต่ 1 บาท มึงจะเข้าใจว่าเป็นกระเบื้องก็ไม่ได้ มึงจะเห็นว่า 1บาทเป็นกระเบื้องไม่มีค่าไม่ได้ บาท หนึ่งก็ซื้อขนมได้อย่าประมาท อย่าดูถูกเงิน ใช้ให้รู้จักประมาณ ไม่ใช่ใช้ตะพรึด ไอ้คนที่ดูถูกเงิน แทบจะถือกะลาขอทานก็มี ท่านสอนจนเรา ตั้งปณิธานเลยว่า กูมีเงินเมื่อไหร่ กูจะพยายามรักษาให้ถึงที่สุด ด้วยเหตุนี้ ลุงบอกว่าคนอื่นๆมีเท่าไหร่ก็ใช้จนหมด มีแต่ลุงรอดตัวอยู่คนเดียว เพราะสิ่งที่หลวงพ่อสั่ง หลวงพ่อสอนมาทั้งนั้น

  (เรื่องเล่าโดย ลุงฉลอม มีแก้วน้อย บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 147 โดยสิงหล 24 ธ.ค. 58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 147 โดยสิงหล 24 ธ.ค. 58

      พระประจำตัวของ หลวงพ่อวัดปากน้ำ
   ท่านสอนลุง สอนละเอียด สารพัดเลย ดุก็ดุที่สุด เวลาดุ ดุแล้วก็สอน สอนสารพัด เรียกว่าพ่อแม่ไม่เคยสอนอย่างกับท่าน ท่านสอนละเอียดถี่ถ้วน สอนผมมากกว่าทุกๆคน ดุก็ดุมากที่สุด ท่านสอนมาตั้งแต่ สมัยผมยังเด็กๆ แม้ตอนหลวงพ่อเริ่มอาพาธ ท่านก็ยังสอน เราก็กลัวท่าน แต่มารู้อีกทีว่าท่านรักเรา ก็อีตอนที่พยาบาลหลวงพ่อ ท่านให้พระประจำตัวกับเรามา เป็นพระประจำตัวที่ ท่านเก็บไว้กับตัวตลอด ท่านให้ลุงมากับมือ ก่อนหลวงพ่อมรณภาพ 3-4 เดือน ตอนที่ท่านให้ลุง ลุงคิดว่าท่านหลง ท่านเดินจะออกไปข้างนอก ท่านถือพระมาด้วย แล้วก็บอกว่า เอ้า...ลุงก็นั่งคุกเข่าแล้วสองมือก็รับพระประจำตัวจากท่าน ท่านก็ใส่มือมา แล้วเดินออกไป ท่านให้เฉยๆไม่ได้พูดอะไร ลุงก็คิดว่าเดี๋ยวหลวงพ่อกลับมา จะเอาคืนท่าน พอท่านเดินกลับมา เราก็ถวายคืน ท่านก็บอกว่า “เอ้า กูให้มึง เก็บไว้ให้ดีสิ มึงจะมาให้กูอีกทำไมล่ะ มึงเก็บไว้ให้ดีนะ พระองค์นี้เป็นพระประจำตัวของกู” ท่านสั่งไว้อย่างนั้น ลุงถึงได้ดีใจ ว่าท่านให้เราจริงๆ เราก็คิดว่าหลวงพ่อหลง แต่ที่ไหนได้เราคนดีๆหลงเอง เลยกลัดอวดท่านและคนอื่นๆ ไม่งั้นเดี๋ยวเขาหาว่าลักท่านมา พระมหาเจียกบอกว่าโชคดีจริงๆ ฉันจ้องมานาน นี่แสดงว่าหลวงพ่อรัก และเมตตาเราจริง ไม่งั้นท่านไม่ให้พระประจำตัว มาหรอกเพราะมีองค์เดียว
   ลักษณะพระ เป็นเนื้อชิน ขนาดโตเท่าสมเด็จวัดระฆัง ด้านหน้าเป็นรูปพระพุทธสิหิงค์ ส่วนด้านหลังเป็นรูปของหลวงพ่อวัดปากน้ำเอง แต่ตอนนี้ลุงถวายพระประจำตัวให้หลวงพ่อธัมมชโยไปแล้ว เพราะลุงมานึกๆดูว่าถ้าเราตาย ไอ้ลูกหลานมันก็เอาไปเฉยๆ คิดมาคิดไปถวายท่าน ตอนเราเป็นๆดีกว่า จะได้หมดเรื่องหมดราวไป เพราะหลวงพ่อวัดพระธรรมกายก็เอาวิชชา จากหลวงพ่อวัดปากน้ำ มาเผยแผ่จนโด่งดัง สมควรแล้วที่ หลวงพ่อวัดพระธรรมกาย จะรักษาไว้ ก็เลยตัดสินใจถวายท่าน กว่าจะถวายได้ก็เกือบปี มันยังเสียดายอยู่ นอกจากนี้ลุงยังถวายสมบัติ ที่ได้มาจากหลวงพ่อวัดปากน้ำ ให้กับหลวงพ่อวัดพระธรรมกาย คือมุ้ง,ผ้าห่ม,รัดประคต และพระธาตุ

  (เรื่องเล่าโดย ลุงฉลอม มีแก้วน้อย บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)