โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 136 โดยสิงหล 13 ธ.ค. 58
แม้ทุกวันนี้ก็ปฏิบัติอยู่นะ สกิทาคามรรค สกิทาคาผล หน้าตักกว้างสิบวา เกตุดอกบัวตูมใสเป็นกระจกคันฉ่องส่องเงาหน้า แต่ถ้าจะต่อก็ต่อได้ กายพระสกิทาคาหน้าตักกว้างสิบวา สูงสิบวา เกตุดอกบัวตูมใสมากขึ้น หยุดมากขึ้น นิ่งมากขึ้น สะอาดมากขึ้น ทับทวีใสเข้าศูนย์กลางกายพระสกิทาคา พอถูกส่วนก็เห็นดวงปฐมมรรคหยุดนิ่งกลางดวงปฐมมรรคเห็นดวงศีล หยุดนิ่งกลางดวงศีลก็เห็นดวงสมาธิ ทำให้ใสทุกดวง ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะใสทุกดวง เข้ากายพระอนาคามีหยาบ อนาคามีละเอียด หน้าตักกว้างขยายไปอีก กว้างสิบห้าวา สูงสิบห้าวา เกตุดอกบัวตูมใสทำหน้าที่แกะสังโยชน์อีกสองเปราะ กามราคะ ปฏิฆะ ถ้ามีแล้วมันร้อน ปฏิฆะความกระทบกระทั่งแห่งจิต ไปเจอรูปที่ไม่สวยไม่งาม ไม่ชอบก็เป็นทุกข์ ชอบก็เป็นทุกข์ พระสกิทาคาพึงละ 2 เปราะ กามราคะ ปฏิฆะ แห่งจิตหายไป สกิทาคาก็หยุดในหยุด นิ่งในนิ่ง กลางของกลางกลางของกลางซ้ายขวาหน้าหลังไม่ไปซ้อนอัดทับทวีให้ใสเข้าศูนย์กลางกายสกิทาคาละเอียดนิ่งหนักขึ้น ใสหนักขึ้น สว่างหนักขึ้น เข้าไปดวงวิมุตติญาณทัสสนะ ใสใสใสผ่านอีกทีเข้ากายอรหัตหยาบ อรหัตละเอียด ขยายหน้าตักยี่สิบวา สูงยี่สิบวา เกตุดอกบัวตูมใสเป็นกระจกคันฉ่องส่องเงาหน้า ทำหน้าที่แกะสังโยชน์อีกห้าเปราะ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน ชาติภพไม่มี ชาติไม่ติด ภพไม่ติด อวิชชาไม่มี ตัณหาไม่มี ไม่มีแล้ว ละได้หมดแล้ว กายอรหัตมรรค อรหัตผล หน้าตักกว้างยี่สิบวา สูงยี่สิบวา เกตุดอกบัวตูมใสพออยู่กายนี้แล้วใสหนักขึ้น สะอาดหนักขึ้นแล้ว หลวงพ่อมงคลเทพมุนีท่านก็ตรัสเรียกว่าอะหังอิติปิ ธรรมกาโย ตถาคโต เราตถาคตคือตัวธรรมกาย หน้าตักกว้างยี่สิบวา เกตุดอกบัวตูมใสเหมือนกระจกคันฉ่องส่องเงาหน้า อยู่ในกายพระอรหัต สูงสุดกว้าง สูงสุดใหญ่ สูงสุดยี่สิบวา เกตุดอกบัวตูมใสเหมือนกระจกคันฉ่องส่องเงาหน้า พระอรหัตทุกองค์ต้องทำบรรลุธรรมกายทุกองค์ เห็นทุกองค์ กว่าจะเห็นพระบาลี อะหังติปิ ธรรมกาโย ตถาคโต เหล่าตถาคตคือตัวธรรมกาย อยู่ในพระนิพพาน ส่วนกายเนื้อกายหนังของพระองค์ 80 ปี ก็เผาที่เมืองกุสินาราราชธานี กระดูกเป็นพระบรมสารีริกธาตุ สาธุชนนำไปบูชา ส่วนกายธรรมกายอยู่บนพระนิพพาน นี่หลวงพ่อมงคลเทพมุนีวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ท่านสอนอย่างนี้ ข้าพเจ้าเอง อาตมาเองตอนอยู่วัดปากน้ำ ก็เดินด้วย 18 กายอย่างนี้ อายุ 25 ปี อาตมาก็บรรลุธรรมกาย
(เรื่องเล่าโดย พระพุทธศาสนโสภณ (หลวงพ่อสุบิน) วัดหัวเขา บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)