เดิมหลวงพ่อ บวชเป็นสามเณรตั้งแต่อายุ 17 ขวบ ที่อ.นางรอง บุรีรัมย์ บวชอยู่ 2 ปี แล้วมาเรียนต่อที่วัดบึงโคราช อยู่วัดบึง พออายุครบบวช ก็ไปบวชที่วัดใหม่ อ.นางรอง บวชปี พ.ศ.2490 อาตมาอยู่จังหวัดนครราชสีมา
ตอนนั้นก็สืบประวัติว่า ในกรุงเทพมีหลวงพ่อองค์ไหนบ้างที่เป็นนักปฏิบัติ ในสมัยนั้นนะ เรียกว่าปฏิบัติแล้วได้ประโยชน์ทั้งทางโลกและทางธรรม
ได้ข่าวว่ามีหลวงพ่อวัดปากน้ำ ตอนนั้นเป็นวัดสวน ต้องไปลงเรือที่ตลาดพลู เป็นเรือจ้าง มาขึ้นที่วัดปากน้ำ แล้วก็เข้ามาหาหลวงพ่อ เข้าไปกราบท่าน ตอนนั้นประมาณ 5 โมงเย็น
สมัยนั้นหลวงพ่อลงสอนด้วยตัวท่านเอง มีคนสนใจมากราบท่านเป็นจำนวนมาก
ช่วงนั้นมีพระเณรอยู่วัด 80 กว่ารูป อาตมาขออยู่กับท่านในปี 2491 หลวงพ่อท่านก็รับมาอยู่ แต่มีสัญญา 2ข้อที่ท่านให้ไว้คือ
1. ต้องตั้งใจศึกษาเล่าเรียนคือ คันถธุระ ศึกษาระเบียบแบบแผน ขนบธรรมเนียมประเพณีของพระ
2. เรื่องวิปัสสนาธุระ เป็นเรื่องปฏิบัติ เรียนเท่าที่เราจะเรียนได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะไปปริยัติไหวไหม จะไปปฏิบัติไหวไหม
อาตมาเรียนปริยัติจนจบนักธรรมเอก แล้วก็เรียนบาลีต่อ 4-5 ปี สุขภาพไม่อำนวย ก็หันมาทางปฏิบัติ วิปัสสนาในพ.ศ. 2493 นอกจากนี้ ยังช่วยวัดเป็นอาจารย์สอนปริยัติธรรมชั้นตรี โท เอก เรื่อยมาสอนมา 24 ปี
หลังจากนั้น พระเณรที่เรียนสำเร็จมีมากขึ้น ก็เลยให้มาช่วยสอนแทน
ก็อยู่เรื่อยมา จนหลวงพ่อมรณภาพ อาตมาก็ไม่ได้ไปไหน มีเคยไปช่วยสอนที่อ.บางเลน จ.นครปฐม 1 พรรษา แต่ก่อนอายุยังไม่มาก ก็ช่วยบรรยายธรรมะอยู่บนหอหลวงพ่อ เทศน์ให้กับผู้มานั่งเจริญวิปัสสนาเป็นประจำ แล้วก็ไปสอนอยู่ที่พุทธมณฑลซึ่งจะมีการแสดงธรรมทุกวันอาทิตย์ ก็หมุนเวียนกันไปสอน ตามแต่เขาจะนิมนต์ไป แต่เดี๋ยวนี้อาตมา 88 ปี แล้ว อายุมาก สุขภาพไม่ค่อยดี ไม่ค่อยไปไหน อยู่วัด ตั้งใจปฏิบัติสมาธิให้ได้ตลอด
(เรื่องเล่าโดย พระอาจารย์สุวิชา เปสโล คณะเนกขัมม์ วัดปากน้ำ บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 1)