บุคคลยุคต้นวิชชา ๒ พระครูภาวนากิตติคุณ แผ่นที่ 0112


 

คุณมาเรียนวิชชา ต้องมีดอกไม้ธูป เทียนมา มีคน เขาใช้คุณมาใช่ ไหม” หลวงพ่อท่านรู้ ตํารวจ บอกว่า “เจ้านาย เขาใช้ให้มา ผมเป็นตํารวจบางยี่เรือ เขาว่าหลวงพ่อเลี้ยงแม่ชีไว้เยอะแยะ” หลวงพ่อ บอกว่า “เอ้าดูซิผู้หญิงหรือผู้ชาย” ตํารวจก็บอกผู้หญิง หลวงพ่อก็ บอกแม่ชีว่า แสดงตัวให้เขาดูซิว่าหญิงหรือชาย แม่ชีก็นั่งเข้าที่ไป แปลงเพศหญิงเป็นเพศชายได้ เดี๋ยวลุกขึ้นมาผิวปากให้ดู แล้วก็ แสดงตัวให้ดูว่าไม่ใช่ผู้หญิง นี่เพศหญิง นี่เพศชายดูเอา ไอ้พวก ตํารวจงงเลย เจ้านายเขาสั่งให้ตํารวจมาตรวจสอบ แต่หลวงพ่อท่าน ทําวิชชาได้ ใช้วิชชาเป็น ตํารวจก็กลับไปตอนเช้า ติดดาวมาเลย เอา ข้าวของมาถวายหลวงพ่อ วิชชาปราบมารปราบกันน่าดูเลย

มีแม่ชีที่อยู่วัดปากน้ําคนหนึ่ง ลูกมันจะไปฆ่าเขา หลวงพ่อรู้ว่า ถ้าคนนี้เราไม่ช่วย มันจะติดคุกติดตะราง ตกนรกหมกไหม้ ท่านก็ “เรียกแม่ชีคนนี้มา แล้วบอกว่าลูกเอ็งจะแจวเรือผ่านมานะ ผ่านมาเอ็ง เรียกขึ้นมาหาหลวงพ่อหน่อย แม่ชีก็นั่งคอย ลูกผ่านมาจริงๆ ก็เลย เรียกลูกว่าลูกๆ เอ็งผ่านมาหลวงพ่อท่านสั่งไว้ให้ขึ้นไปหาหน่อย หลวงพ่อ

ท่านบอกว่าไอ้ที่คิดไว้เลิกล้มเสียนะ

เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร

การฆ่าเป็นบาปติดไปหลายชาติ จะตกนรกหมกไหม้ มันบอกว่าหลวงพ่อ ทําไมรู้ มันเตรียมปืนใส่ท้องเรือไว้แล้ว มันโกงไร่ โกงนา โกงสวน เอาไว้ไม่ได้ แต่พอหลวงพ่อทัก ต้องเลิกล้มเลย ถ้าหลวงพ่อไม่โปรดมัน



บุคคลยุคต้นวิชชา ๒ พระครูภาวนากิตติคุณ แผ่นที่ 0111

 


ปริวาสกรรมตอนนั้นบวชมาได้ ๔ พรรษา ปี พ.ศ.๒๔๙๙ ไปอยู่ที่ จ.ปราจีนบุรี ไปเจอคุณโยมที่ทํางานโรงพยาบาลที่ปราจีนบุรี เล่าให้ฟัง ว่าผมก็ไปวัดปากน้ําเหมือนกัน ผมไปได้รูปของหลวงพ่อวัดปากน้ํามา ภรรยาผมไม่เลื่อมใส ผมเอาไว้บนหิ้งบูชา พอตกกลางคืนรูปท่านเปล่ง รัศมีทั้งคืน เปล่งรัศมีเต็มบ้าน ตั้งแต่นั้นมาภรรยาผมจุดธูปเทียนบูชา หลวงพ่อวัดปากน้ําทุกคืนเลย หลังจากกลับจากธุดงค์ก็ไปเล่าให้หลวง พ่อสดฟัง ท่านบอกว่า เขายังไม่เห็นของจริง เขาก็ไม่เชื่อหรอก พระที่ ไปเดินธุดงค์ด้วยกัน ตอนนี้เหลืออีก ๑ องค์ อยู่ที่วัดปากน้ํา พระครูโอภาส สมาธิคุณ

หลวงพ่อท่านรู้หมด พระเณร ๕๐๐ - ๖๐๐ รูปทําอะไรผิด ท่านรู้ทุก อย่าง มีครั้งหนึ่งหลวงพ่อให้ไปตามพระ ๓ พรรษา ที่ไปคุยกับอุบาสิกา แล้ว ๓ ทุ่มยังไม่กลับ ท่านสั่งพระให้ไปเอา ตัวมา ไปเอาตัวมาได้จริงๆ พระที่ เข้าบ้านโน้น ออกบ้านนี้ หลวงพ่อ

ท่านเรียกพระแบบนี้ว่าเป็นพระคอมมิวนิสต์ ท่านสั่งให้ไปเอาตัวมาเลย เวลาท่านชี้คนท่านชี้ห้านิ้วเลย ท่านบอกว่าเอ็งไม่ดีอย่าทําอย่างนี้ ท่าน ก็ชี้ห้านิ้ว แต่ปกติคนอื่นชี้นิ้วเดียว อีกสามนิ้วเข้าหาตัวเอง แต่ท่านฉลาด ชี้ทีเดียวชี้ห้านิ้วไม่มีเข้าตัวเลย

มีตํารวจจากบางยี่เรือ มันไปล้อมวัดปากน้ํา หลวงพ่อท่านรู้ แล้ว ตํารวจมันก็ขึ้นมากราบหลวงพ่อ ตํารวจมันเห็นแม่ชีนุ่งขาว พรีดเลย หลวงพ่อก็ถาม คุณมาธุระอะไร ผมจะเรียนวิปัสสนากับ หลวงพ่อ หลวงพ่อบอกว่า “ คุณมาเหตุอื่นนี่นะ คุณไม่มาเรียนวิชชา



บุคคลยุคต้นวิชชา ๒ พระครูภาวนากิตติคุณ แผ่นที่ 0110

 


ศูนย์กลางกาย แล้วก็มีเสียงมาพร้อม ภาพเลยว่า ใช่แล้วที่เห็น ไม่ต้อง สงสัย ทําไปเถิดลูก นั้นแหละใช่แล้ว ทําให้เรามั่นใจยิ่งขึ้น เวลาหลวงพ่อ สั่งทําวิชชา สั่งงาน เราต้องเดินวิชชา ตามนั้น ถ้าทําผิดหลวงพ่อก็จะให้ทํา ใหม่ หลวงพ่อจะทําวิชชาตลอดเวลา

ทั้งกลางวันและกลางคืน พระเณรที่ เข้าปฏิบัติในโรงงานมีไม่มาก ที่จําได้ ก็มีพระมหาเจียก พระมหาสุบิน

หลวงพ่อเป็นพระที่มีเมตตาสูงมาก ขนาดจีวรที่ท่านห่ม มีคนไป พระครูภาวนากิตติคุณ ขอจีวร ท่านถามว่าจีวรตัวนี้เอาไหมลูก เอาครับ หลวงพ่อเปลื้องให้เลย น้ําใจท่านขนาดนั้น ท่านบอกว่าก็เราบวชให้เขา เราเป็นพ่อเขา มันขอ ก็ให้มัน แต่สําหรับหลวงพ่อเองได้พระของขวัญจากหลวงพ่อสด พระของ ขวัญนี้ศักดิ์สิทธิ์มาก ช่วยหลวงพ่อรอดตาย

มาก็หลายครั้ง ครั้งแรกตอนนั่งรถยนต์ คนขับ มันดันวิ่งตัดหน้ารถไฟนิดเดียวเอง พ้นมาอย่างอัศจรรย์ คนยืนมุงดูคิดว่าเสร็จแน่แล้ว ครั้งที่ ๒ รถแท็กซี่เช่าไปทําบุญ ปรากฏรถพลิกคว่ําแถวกําแพงเพชร รถตกลงไปในคลอง ดีไม่ตกเหว ตอนนั้นหลวงพ่อนึกถึงหลวงพ่อสดตลอด หลวงพ่อท่านช่วยเราจึงรอดมาได้ ส่วนองค์ที่นั่งข้างหน้า ถูกกระแทก เจ็บอก ตายไปแล้ว

ตอนหลวงพ่อเดินธุดงค์ ไปด้วยกัน ๔ รูป ขอหลวงพ่อสดไปอยู่



บุคคลยุคต้นวิชชา ๒ พระครูภาวนากิตติคุณ แผ่นที่ 0109

 


เพราะว่าผมไปสร้างอุโบสถไว้ ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดนั้น วัดนี้ บอกหมด หลวงจบยกมือท่วมหัวเลย บอกว่าจริงครับ เพราะผมยัง ช่วยขนกระเบื้องมุงหลังคาโบสถ์เลยครับ

ปี พ.ศ.๒๔๙๘

คุณนายเพ็ญศรี ซึ่งเป็นภรรยาหมอปลั่ง เป็นผู้มีอันจะกินอยู่ในจังหวัดอยุธยา พามารู้จักกับหลวงจบฯ เขาก็พา อาตมาไปฝากหลวงพ่อวัดปากน้ํา เรารู้ว่าหลวงพ่อท่านเก่งเรื่องนั่ง ทางใน เลยตัดสินใจจากอยุธยาไป วัดปากน้ํา ไปถึงหลวงพ่อก็รับ ท่านบอกว่าอยู่ไปให้ ดีนะลูกนะ หลวงพ่อรับทุกคนไม่รังเกียจใคร แม้ที่จะมีน้อย อยู่กันแบบแออัด

แต่หลวงพ่อก็รับ ความเมตตาท่านยอดเยี่ยม อยู่วัดปากน้ําก็เรียนทั้ง คันถธุระ นักธรรม บาลี เรียนหมดแล้วก็เรียนวิปัสสนาธุระ ตอนแรก กะจะบวชเลี้ยงน้อง แต่พอไปบวชอยู่กับหลวงพ่อสดมันชื่นใจ เป็น ฆราวาสไม่เคยพบสุขเลย เป็นพระมาเจอสุขในเพศสมณะ เลยหนีดีกว่า หนีจากทางโลก บวชแล้วเลยไม่ลึก โอนที่ดินยกให้น้องๆ หมด เพราะ เราเป็นพี่คนโต สมบัติมีอะไรยกให้เขาหมด

อยู่กับหลวงพ่อสด ก็ได้ใกล้ชิดท่าน ได้อุ้มท่านลุก อุ้มท่านนั่ง ได้ปลงผมหลวงพ่อ เพราะเป็นคนมือเบา อยู่กับหลวงพ่อ ๕ - ๖ ปี ได้ ไปรับใช้ท่านอยู่จนท่านมรณภาพ ผมที่ปลงแล้วจะนําไปรวมกันไว้ เพื่อ นําไปทําพระของขวัญ ฉันได้เข้าไปนั่งทําวิชชากับหลวงพ่อในโรงงานทํา วิชชา มีครั้งหนึ่งเกิดสงสัยในสิ่งที่เห็น หลวงพ่อสดก็มาปรากฏที่



บุคคลยุคต้นวิชชา ๒ พระครูภาวนากิตติคุณ แผ่นที่ 0107-0108

 


พระครูภาวนากิตติคุณ

เมื่อก่อนเราหนีการครองเรือน พ่อแม่ล้ม

หายตายจากหมด สมบัติก็มีแต่ยกให้เขาหมด หนีจากทางโลกดีกว่า พระพุทธเจ้ามีสมบัติยิ่ง กว่าเรา ท่านยังไม่ติดอยู่ ถ้าหลงติดเอาตัวเอง

ไม่รอด ตายไปก็ไม่มีใครดับไฟนรกให้เราได้

พระพุทธเจ้าตรัสว่าอย่าไปเบียดเบียนผู้อื่น สงสารตัวเราจะตกนรกหมกไหม้เปล่าๆ ไอ้ชีวิต เราเกิดเป็นมนุษย์มา ต้องไม่ให้ตายเปล่า สงวนตัวเองอย่างนี้เรื่อยมา คิดอย่างนี้เลยตัดสินใจบวช

บวชเป็นพระภิกษุที่จังหวัดอยุธยา บวชเพื่อเลี้ยงน้อง หลังจาก ผ่านเกณฑ์ทหารแล้ว อายุ ๒๐ ย่าง ๒๑ ปี เข้าปี พ.ศ.๒๔๙๖ พอได้ ทราบกิตติศัพท์เกี่ยวกับหลวงพ่อวัดปากน้ํา จากหลวงจบกระบวนยุทธฯ ตอนไปสมัครเป็นผู้แทนที่ จ.อยุธยา หลวงจบฯ บอกว่าพระที่เก่งที่เยี่ยม ทั่วประเทศไทย พระทุกรูปยกให้หลวงพ่อวัดปากน้ํา ภาษีเจริญ เลย ตัดสินใจไปหาหลวงพ่อวัดปากน้ํา ตอนนั้นบวชมาได้ ๒ พรรษา

หลวงจบกระบวนยุทธฯ แกไปทดลองหลวงพ่อก่อน แกบอกว่า ผมได้ยินเขาลือกันว่า หลวงพ่อวัดปากน้ํา ไปนรกได้ ไปสวรรค์ได้ ไป นิพพานได้ หลวงพ่อช่วยไปตามพ่อตาผมซึ่งตายไปนานแล้วว่าตอนนี้อยู่ ที่ไหน หลวงพ่อก็ไปเรียกแม่ชีมา ให้นั่งสมาธิไปตามดูคนชื่อนี้อยู่ที่ไหน ไปตรวจดูบัญชีในนรกก็ไม่มี ไปเจอที่สวรรค์ชั้นยามา หลวงพ่อตามให้ มาเข้าร่างแม่ชี แล้วถามว่าโยมไปทําบุญอะไรมาจึงได้ไปอยู่สวรรค์ชั้น ยามา ร่างที่เข้าแม่ชี ก็ชี้ไปทางหลวงจบฯ แล้วบอกว่า นี่เจ้าแช่มลูกเขย ส่วนที่นั่งข้างๆ คือนางเครือ ลูกสาวผม ที่ผมได้ไปอยู่สวรรค์ชั้นยามา





โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 154 โดยสิงหล 31 ธ.ค. 58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 154    โดยสิงหล  31 ธ.ค. 58
   ตอน  นักมวยสามารถ ศรแดง
    ตอนที่ลุงหลอมมา พยาบาลหลวงพ่อ ลุงอายุ 30 กว่าปี มีเย็นวันหนึ่งประมาณ 5 โมงเย็น มีนักมวยชื่อสามารถ ศรแดง มันจะไปนอก ไปต่อยชิงแชมป์ต่างประเทศ ช่วงนั้นเขาห้ามรับแขก หลวงพ่อกำลังป่วยหนัก ห้ามรับแขกเด็ดขาด มันก็ยกมือไหว้บอก พี่ขอให้ผมไปกราบหลวงพ่อ สัก 3 ครั้ง ผมรับรองไม่พูดอะไรจริงๆ ถ้าผมพูดพี่ซ้อมผมได้เลย ลุงก็บอกไม่ได้ พอใกล้ๆค่ำ ลุงเปิดประตูออกมา ไอ้สามารถมันก็ยังนั่งคุกเข่าอยู่ไม่ยอมกลับ ฟ้าก็มืดแล้ว ไอ้เราก็ใจอ่อน มันก็ยกมือไหว้บอกพี่ขอเข้าสักหน่อย มันบอกว่าไม่พูดอะไรจริงๆ ทุกทีเวลาจะไปต่อย ต้องมาหาหลวงพ่อทุกที ให้ท่านเป่าหัว พอดีหลวงพ่อท่านออกมาพอดี 
   ใอ้สามารถก็เข้าไป กราบหลวงพ่อ บอกหลวงพ่อขอช่วยเป่าหัวให้หน่อยครับ หลวงพ่อก็คลำศีรษะแล้วก็เป่าหัวให้ แล้วมันก็กราบลากลับ ขากลับไปก็โดนลูกน้องของไอ้สมเดช ยนตรกิจ มันดักอยู่ 3 คน ไอ้สามารถเป็นคู่อริกับ ไอ้สมเดช ลูกน้องของไอ้สมเดช ดักเอาที่วัดขุนจันทร์ มันเอาใบมีดปาดเข้าที่ คอไอ้สามารถ แต่ไม่เข้า เป็นแค่ยางบอน ไอ้สามารถเลยต่อยพับไป 2 คน อีกคนวิ่งหนีไป หลังจากนั้นก็บินไปต่อย ที่ต่างประเทศ ขึ้นต่อยยกแรกก็ต่อยคู่ต่อสู้ พับไปเลย ชนะตั้งแต่ยกแรก กลับมาเมืองไทย ก็มากราบหลวงพ่อวัดปากน้ำ เอาผลหมากรากไม้ มาถวายท่าน
   ตอนลุงหลอมมีอายุได้ 81 ปี ลุงได้เปิดใจถึงเป้าหมายในช่วงบั้นปลายชีวิตว่ามีความตั้งใจจะสร้างบารมีร่วมกับ หลวงพ่อวัดพระธรรมกาย(หลวงพ่อธัมมชโย)ไปตลอดจนกว่า จะถึงที่สุดแห่งธรรม ตั้งใจทำบุญให้เต็มที่ ตั้งใจทำสมาธิให้ดีที่สุด และจะ ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและ วิชชาธรรมกายตลอดไป แล้วลุงก็ทำได้ตามที่ตั้งใจ จนลมหายใจสุดท้าย  ลุงจากไปอย่างสงบ เหลือไว้แต่คุณความดี ที่ได้สร้างไว้เท่านั้น

   (เรื่องเล่าโดย ลุงฉลอม มีแก้วน้อย บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 153 โดยสิงหล 30 ธ.ค. 58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 153 โดยสิงหล 30 ธ.ค. 58

การทำบุญสมัยหลวงพ่อ
      ลุงหลอมเล่าถึงการทำบุญ สมัยหลวงพ่อวัดปากน้ำ สมัยก่อนว่าใครจะทำบุญ
ต้องไปหานายประยูร สมมุติคุณจะถวายเงิน 100 บาท ก็ต้องไปหานายประยูร นายประยูรก็จะเขียนใบปวารณา นาย ก ถวายเงินหลวงพ่อ 100 บาท ใบปวารณาที่ออกให้ คุณก็นำไปถวายหลวงพ่อ หลวงพ่อก็จะรู้ว่าคนนั้น คนนี้ ถวายเงินเท่านี้ เท่านั้น แล้วท่านก็วางใบปวารณาซ้อนๆกันไว้ ท่านจึงไม่รู้ว่าแบงก์นี้ แบงก์อะไร ท่านไม่จับเงิน แบงก์ 5 แบงค์ 10 แบงก์ 100 หลวงพ่อไม่รู้หรอก
หลวงพ่อเคยถามนายประยูรว่าไอ้แบงก์แดงๆ มันแบงก์อะไร นายประยูรบอกว่า แบงก์ละร้อย แล้วไอ้แบงก์เขียวๆ นั่นใบเท่าไหร่ หลวงพ่อท่านไม่รู้เลย
       มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อท่านเอาใบปวารณา ให้ลุงเป็นปึก ท่านบอกว่า "มึงจะได้เอาไว้ซื้ออะไรกิน" เราก็พยาบาลท่านมาตั้งนาน ท่านก็ถามว่า มีสตางค์ใช้หรือเปล่า เราก็บอกท่านว่ามีครับ เราจะบอกว่าไม่มี ก็กลัวท่านเป็นทุกข์ บอกให้ท่านหายห่วง เพราะท่านป่วยอยู่ ท่านเองก็คงจะรู้ วันหนึ่งท่านก็เอาใบปวารณา ให้ปึกหนึ่ง แล้วก็บอกว่าเอาไว้ซื้ออะไรกิน เราก็ว่าหลวงลุงฉันถ้าหลง เอากระดาษมาจะให้ไป ซื้อหาอะไรกิน มันจะไปซื้ออะไรได้ กระดาษก็มีแต่เขียนว่า คนนั้น 200 บาท คนนี้ 500 บาท คนนั้น 2,000 บาท 5,000 บาท ก็ยังมีที่ถวายหลวงพ่อสมัยนั้น ท่านให้เป็นปึกใหญ่ เราก็เอาไปเหวี่ยงทิ้งหมด ก็กระดาษจะเอาไปซื้ออะไร เดินไปก็โปรยไปเรื่อยทีละใบ สองใบ ก็ไม่รู้ พอไปคุยกับมหามนต์เข้า ถึงรู้ มหามนต์บอกว่าตายแล้วเอาไปทิ้งที่ไหน ลุงก็บอกว่า เดินโปรยไปเรื่อยๆตามวัด ถ้ารู้ว่าเอาไปขึ้นกับนายประยูรได้ จะไม่เอาไปทิ้ง ปึกนั้นร่วมสองสามหมื่นกว่าบาท เพราะเราไม่รู้จักใบปวารณา จึงคิดว่าหลวงพ่อหลง แต่ที่ไหนได้ เราคนดีๆหลงเอง

   (เรื่องเล่าโดย ลุงฉลอม มีแก้วน้อย บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 152 โดยสิงหล 29 ธ.ค.58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 152  โดยสิงหล 29 ธ.ค.58

   หลวงพ่อเป็นคนนอนไว ตื่นไว หลับไว คล้ายๆกับว่า ท่านบังคับจิตตัวเองได้ ท่านนอนอย่างมาก 5-10 นาทีเท่านั้น นอนเดี๋ยวเดียว พอเอนตัวลงนอน ก็หลับไปเลย นอนท่าไหนก็อยู่ท่านั้น ไม่มีเปลี่ยนท่า สักพักท่านก็ตื่น ท่านตื่นท่านก็ลุกทันที แล้วก็สั่งงานในโรงงานทำวิชชา ซึ่งโรงงานอยู่ติดกับกุฏิ ของท่าน แต่มีสังกะสีกั้นอยู่ หลวงพ่อจะพูดทะลุสังกะสี ถามว่าไปถึงไหนแล้ว ส่วนมากหลังจากสั่งวิชชาเสร็จแล้ว ท่านก็จะเดินมานั่งที่เก้าอี้หวาย กุฏิหลวงพ่อเรียบง่ายไม่มีอะไรมากเป็นเรือนไม้ 2 ชั้น ซึ่งหลวงพ่ออยู่ชั้นล่าง ซึ่งพื้นปูด้วยไม้กระดาน แล้วมีเสื่อน้ำมันปูอีกชั้น ในห้องนอนของหลวงพ่อ ก็มีแต่เตียงนอน ไม่มีอะไร ส่วนชั้นบนนายประยูรพักอยู่ และเป็นที่เก็บไทยธรรม
   ขณะที่หลวงพ่อป่วย หลวงพ่อไม่เคยพร่ำเพ้อ ไม่เคยร้องครวญคราง ให้คนช่วย ท่านรู้ตัวเองตลอดเวลา มีอยู่วันหนึ่งท่านบอกกับลุงว่า "กูเจ็บคราวนี้ถึงกำหนดกูแล้ว หมอให้วิเศษยังไง ก็เอากูไว้ไม่ได้ กูต้องไปงวดนี้ หยูกยาเขาให้กูกิน กูก็กิน ไม่ขัดใจเขา"
ปกติหลวงพ่อจะมีอุปัฏฐาก ที่ดูแลประจำก็คือ มหามนต์ นายประยูร และนายเปล่ง
   ของในกุฏิหลวงพ่อทุกอย่าง ไม่มีใครกล้าหยิบ เพราะท่านรู้ มีครั้งหนึ่งไอ้จุ้น มาหยิบพระของขวัญไป ขณะที่หลวงพ่อเดินไปดู  ช่างข้างนอกที่มาสร้าง โรงเรียนพระปริยัติธรรม กลับมาก็เรียก ให้ไอ้จุ้นเอาพระมาคืน คราวนี้ก็สงสัยว่าทำไมท่านรู้ ลุงก็เลยถามแม่ชีละมัย ที่อยู่ในโรงงานว่า หลวงพ่อรู้ได้ยังไง อะไรต่ออะไรที่ใครหยิบไป ท่านรู้หมด ทั้งๆที่ตัวท่านไม่ได้อยู่กุฏิ แม่ชีบอกว่าทำไมจะไม่รู้ล่ะ  ธรรมกายท่านมี ธรรมกายบอกหมด ใครหยิบอะไรต่ออะไร เดี๋ยวธรรมกายมาบอกหมด ใครจะเอาไปไว้ที่ไหนที่ไหน ก็ไม่มีพ้นหรอก ลุงเล่าว่าสมัยหลวงพ่อ มีการเขียนอาการโรคมาให้ หลวงพ่อช่วยแก้ เห็นแม่ชีในโรงงานบอกว่า ในตัวเรามีจุดดำๆอยู่ ถ้าเราทำจุดดำๆนี้หายได้ โรคก็จะหายได้

   (เรื่องเล่าโดย ลุงฉลอม มีแก้วน้อย บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 151 โดยสิงหล 28 ธ.ค. 58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 151 โดยสิงหล    28 ธ.ค. 58

เมื่อหลวงพ่ออาพาธ
         ลุงหลอมเล่าว่า ขณะที่ ไปพยาบาลหลวงพ่อวัดปากน้ำ ในช่วงที่ท่านอาพาธ 
มีสิ่งอัศจรรย์เกิดขึ้นคือ ตอนนั้นท่านเริ่มป่วยมาก ก็จะมีหลานๆมาช่วยกันดูแล ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน เป็นเวรคอยมาดูแลท่าน ก็มีไอ้จอง อาผง อาแบน อาแกละ อาเทพ พี่เริญ และลุงหลอม 7 คนเห็นจะได้ พวกเราอุปัฏฐาก จะกินอาหารที่เหลือจาก หลวงพ่อทุกวัน แต่แปลกคือกินคนละคำสองคำ 6-7 คน ก็อิ่มได้ไม่หิวอีก ตอนแรกคิดว่าถ้าไม่อิ่มจะไปซื้อหากินข้างนอก แต่ปรากฏว่าอิ่มก็เลย ไม่ได้ไปซื้อข้างนอกกิน บางครั้งนายประยูร แม่ชีท้วมก็ยังมาร่วมกินด้วย กินข้าวที่เหลือของหลวงพ่อ เป็นแรมปีก็ไม่หิว น้ำหนักก็ไม่ลดด้วย ถามคนนั้น ถามคนนี้ ทุกคนก็ยืนยันว่าอิ่ม นี่เป็นเรื่องอัศจรรย์ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะมันเป็นเรื่องจริง
   หลวงพ่อท่านจะฉันน้ำข้าว เป็นประจำทุกวัน ท่านบอกว่าข้าวมีสรรพคุณ มหาศาล ดีกว่ากาแฟ แต่พอหลังเพลไปแล้ว ปานะอะไรท่านก็ไม่ฉัน หลวงพ่อ ท่านเป็นคนเข้มแข็งมาก แม้ท่านป่วย ข้าวปลาอาหาร
ท่านไม่เคยให้ใครป้อนท่านเลย  ยาก็ไม่เคยให้ใครป้อน ท่านจัดการเองทุกอย่าง แม้กระทั่งสรงน้ำ เปลี่ยนผ้าท่านก็ทำเอง แต่บางครั้งเราก็ต้องฝืน เข้าไปทำให้ท่าน เพราะท่านป่วยแล้ว นุ่งไม่เรียบร้อย
 จะออกไปรับแขกก็อายเขา หลานๆก็เลยช่วยกัน พอนุ่งห่มท่านให้ดีแล้ว ท่านก็หัวร่อชอบใจ ท่านต้องการดูว่าเราจะกล้า เข้าไปทำให้ท่านหรือเปล่า

  (เรื่องเล่าโดย ลุงฉลอม มีแก้วน้อย บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 150 โดยสิงหล 27 ธ.ค. 58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 150 โดยสิงหล 27 ธ.ค. 58

   ไอ้เสือจุน
   อีกเรื่องหนึ่งคือ มีครั้งหนึ่ง ไอ้เสือชื่อเสือจุน อยู่ปากน้ำโพ ไอ้เสือนี่พอใช้ได้คือใส่ทองคำ 9 บาท 10 บาท เวลาเมามา ไม่เดินเข้าบ้าน ชอบนอนอยู่กลางทาง ไม่มีใครกล้าไปยุ่งเลย ไอ้เสือนี่ ก็มาบวชกับหลวงพ่อวัดปากน้ำ พวกจากจังหวัดสิงห์บุรีมาเล่า ประวัติไอ้เสือจุนให้หลวงพ่อฟัง หลวงพ่อก็ให้ไปเรียกไอ้เสือจุนมาหา ตอนนั้นลุงยังหนุ่มอายุ 20 กว่าๆ เสือจุนมาบวชกับหลวงพ่อ เช้าๆก็เที่ยวเดินกวาดอะไรที่มักรกตามถนนหนทาง ตามโบสถ์ พระเณรเห็นก็หัวร่อหลวงตาจุน แล้วก็บอกว่าหลวงตาจุนกวาดขี้หมา หลวงตาจุนก็มาบ่นที่บ้านปู่นะ (ปู่ของลุงหลอม) อยู่ภายในวัดบอกว่า “โยม ฉันถ้าจะทนไม่ไหว เกิดมาไม่เคยมีใครมา หัวเราะเยาะฉัน หาว่าฉันกวาดขี้หมา ฉันชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ” ปู่ก็ให้กำลังใจว่า เรามาบวชแล้ว ไหนๆ ก็ละความชั่วแล้ว จะสึกออกไปหากรรมทำไมล่ะ เขาว่าอย่างงั้นก็เข้าตัวเขา  เราตั้งหน้าตั้งตาทำความดี ก็แล้วกัน พอต่อมาวันหนึ่งหลวงตาจุน กำลังกวาดโบสถ์อยู่ หลวงพ่อวัดปากน้ำเดินมาหา แล้วก็ชี้หน้าว่า “มันต้องอย่างนี้ ถึงจะใช้ได้ กวาดเอาบุญเอากุศล ไปข้างหน้า บ้านเราก็สะอาด ใจคอเราก็สะอาดด้วย แล้วมีใครได้กวาดอย่างนี้อย่างเราบ้างล่ะ ใครว่าอะไรเราไม่ต้องกลัว เราทำความดีของเราแล้ว อย่าไปคิดอะไรทั้งหมด” หลวงตาจุนได้ยิน ดีใจ หลวงพ่อชมเชย จึงบวชอยู่ตลอดไม่คิดสึกอีกต่อไป

  (เรื่องเล่าโดย ลุงฉลอม มีแก้วน้อย บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 149 โดยสิงหล 26 ธ.ค. 58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 149 โดยสิงหล 26 ธ.ค. 58

เรื่องของหลวงจบ
       ลุงหลอมยังได้เล่าถึง เรื่องของหลวงจบกระบวนยุทธ (เดิมชื่อแช่ม) ซึ่งเป็นพ่อตาของจอมพลถนอม กิตติขจร ท่านมาหาหลวงพ่อวัดปากน้ำ ขอให้หลวงพ่อไปตามหาพ่อให้ ซึ่งพ่อของหลวงจบฯ เป็นแขกฆ่าวัว ฆ่าควาย พ่อแกส่งหลวงจบฯไปเรียน นายร้อย จนกระทั่งเรียนจบนายร้อย ได้ร้อยโท ต่อมาพ่อของหลวงจบฯ ก็ตายไป 9 ปี นานจนถึง 20 ปี ก็ไม่ได้ข่าวคราว เงียบไปเลย คราวนี้หลวงจบ แกก็ได้ข่าวว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำ เก่งอย่างงี้ ดีอย่างงั้น แกก็คิดอยากจะมาทดลองดู ว่าจะเก่งจริงหรือไม่จริง
      อยู่มาวันหนึ่งแกก็ มาหาหลวงพ่อ มากราบ ตอนนั้นแกเป็นพ่อตาของ นายกรัฐมนตรี (จอมพลถนอม กิตติขจร) แล้วหลวงพ่อท่านก็ถามว่า “มาธุระอะไร” หลวงจบฯก็บอกว่า ผมได้ทราบข่าวว่า เห็นเขาลือกันว่าหลวงพ่อเก่ง มีวิชชาดี เห็นเขาเล่าให้ฟัง ผมก็อยากมาขอความกรุณา หลวงพ่อ เรื่องก็มีอยู่ว่าบิดาของผม เสียชีวิตมานานเป็น 20 ปีแล้ว จะไปเหนือไปใต้ผมก็ไม่รู้ แล้วก็ไม่เคยมาเข้าฝัน หรือมาให้เห็นเลย อยากจะให้หลวงพ่อ ดูให้สักหน่อย ว่าไปอยู่ที่ไหน จะไปลำบากลำบนหรือเปล่า ถ้าแกไปลำบากผมจะมาขอ บารมีหลวงพ่อให้ช่วย หลวงพ่อท่านก็เลยเรียกแม่ชีในโรงงานทำวิชชามา แล้วก็สั่งว่า เอาไปดูให้เขาที ขึ้นไปดูข้างบนก่อนนะ เพราะตายไปหลายปีแล้ว แม่ชีก็หลับตาไปพักใหญ่ แล้วก็บอกว่าไม่เห็นมีเลยหลวงพ่อ ท่านก็บอกว่าเอ้างั้นลงไปดู ข้างล่างซิมีไหม แม่ชีก็หลับตาไปอีกสักพัก แล้วก็บอกหลวงพ่อว่าไม่มี หลวงพ่อก็บอกว่าไม่มีได้ยังไง ข้างบนก็ไม่มี ข้างล่างก็ไม่มี มันต้องมีสิ ลงไปดูให้ลึกกว่านี้อีก จี้ให้มันลึกลงไปอีก ดูซิมันจะอยู่ยังไง แม่ชีก็หลับตาไปอีกพักใหญ่ แล้วก็บอกว่าเจอแล้วหลวงพ่อ ท่านก็ถามว่าไปอยู่ลึกมากไหม แม่ชีก็ตอบว่า อยู่ลึกมากค่ะหลวงพ่อ แล้วถามเขาหรือเปล่าว่า ทำไมจึงได้ลงไปอยู่ลึก ขนาดนั้น เขาบอกว่าฆ่าวัว ฆ่าควาย เชือดวัว เชือดควาย ขายเป็นประจำวันละ 3-5 ตัว แล้วถามเขาหรือเปล่าว่า ชื่ออะไร แม่ชีก็ตอบว่าถามค่ะ เขาบอกว่าชื่อโต๊ะลู พอบอกชื่อเท่านั้น หลวงจบฯก็ร้องไห้ คลานเข้าไปกราบหลวงพ่อ หลังตีนเลย
   ตั้งแต่นั้นมาหลวงจบฯ นับถือหลวงพ่อวัดปากน้ำ เรื่อยมา เลิกนับถือแขก แล้วก็หันมานับถือ พระพุทธศาสนาแทน หลวงจบฯมีน้องชายอยู่คนหนึ่งชื่ออาหมัด มีอาชีพเชือดวัวขายเหมือนกัน หลวงจบฯก็เรียกอาหมัด มาคุยว่า ให้เลิกซะ บอกว่ามันบาปหนัก ยื่นคำขาดว่าถ้ากูบอกมึงแล้ว ไม่เชื่อ มึงกับกูก็เลิกกัน ไม่ต้องมาเรียกพี่เรียกน้อง กันอีก อาหมัดก็เลิกขายวัวจริงๆ ตามคำของหลวงจบฯ เพราะกลัวบาป

  (เรื่องเล่าโดย ลุงฉลอม มีแก้วน้อย บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 148 โดยสิงหล 25 ธ.ค. 58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 148 โดยสิงหล 25 ธ.ค. 58

คุณค่าของเงินทอง
      ลุงหลอมยังจำคำพูด ของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ที่ท่านบอกว่า สมัยก่อนไอ้แก้วสารพัดนึก มันมีจริง นึกจะเอาอะไรก็เอาได้ นึกจะทำอะไรก็ทำได้ แต่เดี๋ยวนี้มันหมดแล้ว สมัยเดี๋ยวนี้มันก็เหลือแต่เงินนั่นแหละ ที่จะเป็นแก้วสารพัดนึก ท่านบอกว่ารัฐบาลเขาผลิตมา แม้แต่ 1 บาท มึงจะเข้าใจว่าเป็นกระเบื้องก็ไม่ได้ มึงจะเห็นว่า 1บาทเป็นกระเบื้องไม่มีค่าไม่ได้ บาท หนึ่งก็ซื้อขนมได้อย่าประมาท อย่าดูถูกเงิน ใช้ให้รู้จักประมาณ ไม่ใช่ใช้ตะพรึด ไอ้คนที่ดูถูกเงิน แทบจะถือกะลาขอทานก็มี ท่านสอนจนเรา ตั้งปณิธานเลยว่า กูมีเงินเมื่อไหร่ กูจะพยายามรักษาให้ถึงที่สุด ด้วยเหตุนี้ ลุงบอกว่าคนอื่นๆมีเท่าไหร่ก็ใช้จนหมด มีแต่ลุงรอดตัวอยู่คนเดียว เพราะสิ่งที่หลวงพ่อสั่ง หลวงพ่อสอนมาทั้งนั้น

  (เรื่องเล่าโดย ลุงฉลอม มีแก้วน้อย บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 147 โดยสิงหล 24 ธ.ค. 58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 147 โดยสิงหล 24 ธ.ค. 58

      พระประจำตัวของ หลวงพ่อวัดปากน้ำ
   ท่านสอนลุง สอนละเอียด สารพัดเลย ดุก็ดุที่สุด เวลาดุ ดุแล้วก็สอน สอนสารพัด เรียกว่าพ่อแม่ไม่เคยสอนอย่างกับท่าน ท่านสอนละเอียดถี่ถ้วน สอนผมมากกว่าทุกๆคน ดุก็ดุมากที่สุด ท่านสอนมาตั้งแต่ สมัยผมยังเด็กๆ แม้ตอนหลวงพ่อเริ่มอาพาธ ท่านก็ยังสอน เราก็กลัวท่าน แต่มารู้อีกทีว่าท่านรักเรา ก็อีตอนที่พยาบาลหลวงพ่อ ท่านให้พระประจำตัวกับเรามา เป็นพระประจำตัวที่ ท่านเก็บไว้กับตัวตลอด ท่านให้ลุงมากับมือ ก่อนหลวงพ่อมรณภาพ 3-4 เดือน ตอนที่ท่านให้ลุง ลุงคิดว่าท่านหลง ท่านเดินจะออกไปข้างนอก ท่านถือพระมาด้วย แล้วก็บอกว่า เอ้า...ลุงก็นั่งคุกเข่าแล้วสองมือก็รับพระประจำตัวจากท่าน ท่านก็ใส่มือมา แล้วเดินออกไป ท่านให้เฉยๆไม่ได้พูดอะไร ลุงก็คิดว่าเดี๋ยวหลวงพ่อกลับมา จะเอาคืนท่าน พอท่านเดินกลับมา เราก็ถวายคืน ท่านก็บอกว่า “เอ้า กูให้มึง เก็บไว้ให้ดีสิ มึงจะมาให้กูอีกทำไมล่ะ มึงเก็บไว้ให้ดีนะ พระองค์นี้เป็นพระประจำตัวของกู” ท่านสั่งไว้อย่างนั้น ลุงถึงได้ดีใจ ว่าท่านให้เราจริงๆ เราก็คิดว่าหลวงพ่อหลง แต่ที่ไหนได้เราคนดีๆหลงเอง เลยกลัดอวดท่านและคนอื่นๆ ไม่งั้นเดี๋ยวเขาหาว่าลักท่านมา พระมหาเจียกบอกว่าโชคดีจริงๆ ฉันจ้องมานาน นี่แสดงว่าหลวงพ่อรัก และเมตตาเราจริง ไม่งั้นท่านไม่ให้พระประจำตัว มาหรอกเพราะมีองค์เดียว
   ลักษณะพระ เป็นเนื้อชิน ขนาดโตเท่าสมเด็จวัดระฆัง ด้านหน้าเป็นรูปพระพุทธสิหิงค์ ส่วนด้านหลังเป็นรูปของหลวงพ่อวัดปากน้ำเอง แต่ตอนนี้ลุงถวายพระประจำตัวให้หลวงพ่อธัมมชโยไปแล้ว เพราะลุงมานึกๆดูว่าถ้าเราตาย ไอ้ลูกหลานมันก็เอาไปเฉยๆ คิดมาคิดไปถวายท่าน ตอนเราเป็นๆดีกว่า จะได้หมดเรื่องหมดราวไป เพราะหลวงพ่อวัดพระธรรมกายก็เอาวิชชา จากหลวงพ่อวัดปากน้ำ มาเผยแผ่จนโด่งดัง สมควรแล้วที่ หลวงพ่อวัดพระธรรมกาย จะรักษาไว้ ก็เลยตัดสินใจถวายท่าน กว่าจะถวายได้ก็เกือบปี มันยังเสียดายอยู่ นอกจากนี้ลุงยังถวายสมบัติ ที่ได้มาจากหลวงพ่อวัดปากน้ำ ให้กับหลวงพ่อวัดพระธรรมกาย คือมุ้ง,ผ้าห่ม,รัดประคต และพระธาตุ

  (เรื่องเล่าโดย ลุงฉลอม มีแก้วน้อย บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 146 โดยสิงหล 23 ธ.ค. 58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 146 โดยสิงหล 23 ธ.ค. 58

   เรื่องการทำมาหากิน
   ลุงหลอมเล่าว่า พออายุได้ 15 ปี ลุงก็มาบวชเป็นเณร อยู่กับหลวงพ่อ อยู่ได้แค่พรรษาเดียวลุงก็จะสึก หลวงพ่อท่านไม่ให้สึก แต่เราก็ไม่อยากอยู่ สุดท้ายก็สึกจนได้ หลวงพ่อท่านคอยเตือนลุง อยู่เรื่อยตั้งแต่เป็นสมัยเด็กว่า อย่าไปคบพวกอันธพาล แต่ไอ้พวกนี้ มันก็ชอบมาหาลุงอยู่เรื่อย หลังจากที่ลุงไปเป็นทหาร รับใช้ชาติ พวกนี้มันชอบมา กวนจัง ไอ้ตัวเกๆมันชอบเรา มันบอกว่ากูไม่รักพวกมึง กูจะไม่มาชวนมึงหรอก พวกเยอะแยะ ทำไมกูไม่ชวน กูเห็นว่ามึงอดอยาก ยากจนลำบาก เงินทองเวลาเบี้ยเลี้ยงออกที ก็ไม่พอกินพอใช้ กูถึงจะมาชวนมึง แต่ลุงก็จำคำที่หลวงพ่อสอนไว้ เลยไม่ไปกับพวกมัน จึงรอดตัวมาได้ หลวงพ่อท่านคอยสอนอยู่เรื่อย โดยเฉพาะเรื่องการทำมาหากิน ท่านบอกว่า “ให้รู้จักยาก รู้จักจน รู้จักกิน รู้จักใช้ รู้จักหากิน ไอ้เรื่องบาปขอร้อง ไม่ให้ทำ ให้หากินอย่างอื่น อย่าไปเลี้ยงหมู เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ ห้ามเด็ดขาด” ท่านบอกว่ามารมันคอยพยายามจะเล่นงานอยู่ เพราะว่ามันอาฆาตหลวงพ่อวัดปากน้ำไว้ ท่านก็เลยสั่งลูกๆหลานๆไว้ว่า ไอ้ทางบาปไม่ให้เอา ให้หากินทางอื่น หากินไอ้สิ่งที่มีชีวิตไม่ให้เอา ให้ค้าขายอย่างอื่นไป
   ลุงก็เคยขัดขืนท่านอยู่ครั้งหนึ่งทดลองดู คือลุงไปเลี้ยงไก่ไว้ร้อยกว่าตัว ไก่ก็ดีอ้วนท้วนดี พอจะขายได้ ราคาลงใหญ่ ขายไปก็ขาดทุน แต่ก็ต้องขาย อีกทั้งยังต้องขายกรง ขายอะไรต่ออะไร จึงเอาทุนคืนมาได้ ก็นึกขึ้นมาได้ว่าหลวงลุง(หลวงพ่อวัดปากน้ำ) ก็สอนเราว่าไม่ให้เลี้ยง ไอ้เราก็ทดลองนึกว่ามันจะดี ไม่เชื่อท่าน เลี้ยงหมูก็เหมือนกัน หมูจะตายเจ็บ ต้องเลี้ยงไปรักษาไปฉีดยาไป ผลที่สุดหมูตาย ก็เลิกกัน ผมเลิกไม่เอาอีกเลย ตั้งแต่นั้นมา

  (เรื่องเล่าโดย ลุงฉลอม มีแก้วน้อย บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 145 โดยสิงหล 22ธ.ค. 58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 145 โดยสิงหล  22ธ.ค. 58

ขุดแก้วกายสิทธิ์
       สมัยแรกๆในยุคที่หลวงพ่อ
เริ่มสอนวิชชาธรรมกาย ยังมีพระเณรและแม่ชี ที่ได้ธรรมกายยังไม่มาก แต่ท่านเป็นคนชอบลองวิชชา มีครั้งหนึ่งหลวงพ่อท่านสั่งให้ ลูกศิษย์ขุดแก้วขึ้นมา หลุมที่ขุดขนาดใหญ่ หลุมเสาลึกไม่มากแค่ศอกเดียวเห็นจะได้ หลวงพ่อท่านใช้ธรรมกาย ดึงแก้วขึ้นมาให้สูง จะได้ขุดได้ง่ายๆ ท่านสั่งแม่ชีบุนนาคไปตาม ผู้ที่ดูแลแก้วนี้มาคุยด้วย ก็เหมือนมีคนมาเข้าร่าง แล้วก็พูดท้าทายหลวงพ่อว่า “ถ้ามึงแน่จริง มึงขุดซิ กูจะให้งูกัดมึง” หลวงพ่อท่านก็สั่งให้ ลูกศิษย์ขุดลงไป ไม่รู้งูมาจากที่ไหน อยู่ดีๆ มันก็โผล่มากัดแขน ไม่รู้เป็นงูผีหรือเปล่า บางครั้งแก้วก็เคลื่อนตัวไป แต่ในภายหลัง หลวงพ่อท่านใช้สายสิญจน์ ล้อมรอบขุดหลุม แล้วมีใส่ข้าวตอกดอกไม้ ลงไปด้วย เพื่อไม่ให้แก้วเคลื่อนหนีไป แล้วท่านก็ขุดเอาแก้ว ขึ้นมาได้จริงๆ ท่านเอาไว้ในโบสถ์ แต่อยู่ได้แค่ 7 วัน วันที่เจ็ดฟ้าผ่าเปรี้ยง แล้วแก้วก็หายไป หลวงพ่อจึงรู้ว่า เรายังไม่ชนะมาร ถ้าเราเอาแก้วนี้ไว้ได้ จะเลี้ยงคนได้มากมายมหาศาลทีเดียว หลังจากนั้นท่านจึงริเริ่ม ที่จะสร้างโรงงานทำวิชชาขึ้น

  (เรื่องเล่าโดย ลุงฉลอม มีแก้วน้อย บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 144 โดยสิงหล 21ธ.ค. 58


 

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 144 โดยสิงหล 21ธ.ค. 58


ลุงฉลอม มีแก้วน้อย


   นายฉลอม มีแก้วน้อย หรือที่รู้จักกันในนามลุงหลอม ลุงเล่าถึงประวัติของตนเองว่า เกิดวันอังคาร เดือนยี่ ปีพ.ศ. 2467 เป็นลูกของนายใส มีแก้วน้อย ซึ่งเป็นน้องชายของ หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ลุงหลอมเล่าให้ฟังว่าตอนเด็กๆอายุราว 6-7 ขวบ มาวัดปากน้ำกับโยมแม่ของ หลวงพ่อวัดปากน้ำ สมัยก่อนวัดปากน้ำ ช่วงปีพ.ศ. 2471 วัดเหมือนวัดที่อยู่ในชนบท ไม่เจริญอะไร มีสวนล้อมรอบวัด มีทั้งสวนลำไย สวนมะพร้าว มีต้นหมาก ต้นชมพู่ ดูแล้วร่มเย็น มีนกชุมโดยเฉพาะอีกา มีมากทีเดียว วัดปากน้ำสมัยนั้นอยู่ใกล้วัดหมู ก็เห็นหมูมากมายเป็นร้อย ร้องทีก็หนวกหูทีเดียว แต่ช่วงหลังๆพวกญวนจับไปหมด สมัยนั้นมีกุฏิเหมือนวัดบ้านนอก เป็นกฏิเครื่องไม้ สร้างเป็นหลังๆ แบ่งเป็นคณะๆ มีคณะกลาง คณะใต้ แล้วก็มีตัวโบสถ์ มีโรงครัวปลูกเป็นโรงไม้ เป็นบ้านไม้สังกะสี ส่วนถนนในวัดทำอย่างกับทางคนเดิน มีอิฐเป็นก้อนโต ปูเป็นทางเดิน ดูสวยงาม ทีเดียว วัดปากน้ำมีคลองล้อมรอบ มีคลองด่าน คลองบางหลวง คลองภาษีเจริญ เวลาคนไปมาวัดปากน้ำ ถ้าคนไม่มีเรือส่วนตัว ก็มาเรือเมล์ขาว ซึ่งจะวิ่งจากท่าไฟไหม้(ท่าภาษีเจริญ) ออกแม่น้ำเจ้าพระยา ไปปากคลองตลาด ไปท่าเตียน ไปราชวงศ์ ทางโรงครัวซึ่งมีแม่ท้วมดูแล เวลาจะไปซื้อกับข้าวกับปลา ก็ต้องลงเรือเมล์ไป ลุงสมัยนั้นเป็นเด็ก ก็ตามแม่ท้วมไปด้วย ไปซื้อของแถวราชวงศ์บ้าง แถวสะพานหันบ้าง ศาลาที่หลวงพ่อลงเทศน์จะเป็นศาลาไม้ กว้างและยาว จุคนได้มาก แค่พระเณรก็จุได้เป็นร้อยรูป วันปกติหลวงพ่อก็จะลงเทศน์ที่ศาลา แต่ถ้าเป็นวันพระ ท่านก็จะลงเทศน์ในโบสถ์


  (เรื่องเล่าโดย ลุงฉลอม มีแก้วน้อย บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 143 โดยสิงหล 20ธ.ค. 58


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 143   โดยสิงหล 20ธ.ค. 58

   เรื่องของแม่ชีจันทร์ อาตมาเคยได้ยินก่อนหน้านี้ ในโรงงาน แม่ชีปุกพาแม่ชีจันทร์ไปพบหลวงพ่อ แม่จะพาเจ้าไปพบพ่อใหญ่ ให้พ่อใหญ่ต่อวิชชาให้ หลวงพ่อท่านรับแขกเสร็จ ท่านก็บอกว่าให้มานั่งปฏิบัติกับหลวงพ่อสัก 3 วัน เดี๋ยวจะมีวิชชา สายธาตุสายธรรมสายสมบัติในนิพพานจะเพิ่มพูนให้ลูก ต่อไปลูกจะต้องดัง ทำงานอันยิ่งใหญ่ไพศาลแทนหลวงพ่อ หลังจากนั้น ก็มาได้ยินครั้งสุดท้าย วันที่ท่านจะมรณภาพ ท่านเรียกมาสั่งมอบมรดกธรรมให้ผู้ที่จะสืบทอดวิชชาของท่านต่อไป
   หลังจากหลวงพ่อวัดปากน้ำ มรณภาพ อาตมาก็กลับมาอยู่ที่สุพรรณบุรี มาพัฒนาวัดท่าช้าง หลวงพ่อได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าคณะอำเภอวัดท่าช้าง วัดใหญ่โต ต่อมาโยมนิมนต์ให้มาอยู่ที่วัดบ้านเกิด วัดหัวเขา เพราะหลวงตาทุ้ย ซึ่งรักษาการเจ้าอาวาสอาพาธ ใกล้มรณะ เขาก็ไปรับมา พอมา หลวงพ่อก็ขยายที่เพิ่มอีก 23 ไร่ 6 งาน เพราะเวลางานตักบาตรเทโวฯ คนมันแน่น ที่ไม่พอในการจัดงาน จึงซื้อที่เพิ่ม แต่หลวงพ่อก็ยังปฏิบัติวิชชาอยู่ ทำวิชชาธรรมกาย ตามแบบหลวงพ่อสด โดยเฉพาะวันพระ และวันอาทิตย์ หลวงพ่อจะมีเปิดสอนสมาธิ เวลาบ่าย 3 โมงถึงบ่าย 4 โมง ทำสมาธิต่อเนื่องมาไม่เคยขาด
   เมล็ดกล้าที่หลวงพ่อวัดปากน้ำ ได้เพาะขึ้นมา บัดนี้ เมล็ดกล้านี้ได้เจริญงอกงาม แผ่ร่มเงาแห่งพระพุทธศาสนา ให้เป็นที่พึ่งแก่สาธุชนทั่วไป หลวงพ่อสุบิน วัดหัวเขา แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าใด แต่ในใจพระเถระท่านนี้ ยังคงตระหนัก รักเคารพศรัทธา ในครูบาอาจารย์ อย่างมิแปรเปลี่ยน จนท่านได้รับแต่งตั้ง จากประเทศศรีลังกา เป็นพระราชาคณะตำแหน่ง ที่พระพุทธสาสนโสภณ ปัจจุบันท่านได้ละสังขารไปแล้ว เหลือไว้แต่คุณธรรมความดี ที่ท่านได้สร้างไว้ ในพระพุทธศาสนา และวิชชาธรรมกาย

 (เรื่องเล่าโดย พระพุทธสาสนโสภณ(หลวงพ่อสุบิน) วัดหัวเขา บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 142 โดยสิงหล 19 ธ.ค. 58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 142 โดยสิงหล 19 ธ.ค. 58

   วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2502 อาตมานั่งอยู่ด้านในโรงงานทำวิชชา หลวงพ่อก็สั่ง บอกว่าจะมรณภาพจริงๆ ท่านเรียก พระเณรเถรชีที่ได้ธรรมกาย มารวมกันหมดในโรงงาน ท่านก็เอนหลัง ลืมตามานั่งสั่ง เออ...ลูกชีจันทร์ ขนนกยูงนะ ต่อไปจะต้องทำงานใหญ่ แทนหลวงพ่อ 
อืม...สั่งพระ เณร ชีปุก ชีญาณีตรีธา ทองแท้ อยู่ในโรงงาน ทำโรงงาน แต่ต่อไปแม่ชีลูกจันทร์ ขนนกยูง นี่ต้องทำงานนอกโรงงานอย่างโด่งดังที่สุด ใหญ่ที่สุด สายธาตุสายธรรม เขาสั่งอย่างนั้น ให้ทำอย่างนั้น แล้วหลวงพ่อก็นิ่งเงียบ พอวันที่สองสั่งน้อยลง พอวันที่ 3 กุมภาพันธ์ เวลาบ่ายสามโมงห้านาที เสียงฆ้อง กลอง ระฆังดัง   
พระ เณร เถร ชี มากันหมด ร้องไห้กันระงมพร้อมเพรียง หมดร่มโพธิ์ร่มไทร ที่พึ่งอันประเสริฐนะ...แล้วท่านก็ดับ อาตมาอยู่จนกระทั่ง หลวงพ่อมรณภาพ
  (เรื่องเล่าโดย พระพุทธสาสนโสภณ(หลวงพ่อสุบิน) วัดหัวเขา บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 141โดยสิงหล 18ธ.ค. 58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 141โดยสิงหล 18ธ.ค. 58

วันหนึ่งชีปุกก็นำอาหารไป ให้กับพระมหาณรงค์ ตอนนั้นหลวงพ่อสั่งไว้ จะไปหาใครต้องขออนุญาต หลวงพ่อก่อน บังเอิญหลวงพ่อไม่อยู่ ก็นำอาหารไปให้ ก็กลับมาทางเดิม มาสวนหลวงพ่อเข้าพอดี หลวงพ่อก็พูดว่า “นั่นแน่ะ ขออนุญาตใคร” “ดิฉันแก่แล้วจะมาขออนุญาตหลวงพ่อก็ไม่เจอหลวงพ่อ เลยนำอาหารไปให้ท่านฉัน ดิฉันแก่แล้ว” “อีแก่สำคัญนัก อีแก่มันชักนำ ให้ชีสาวกับพระหนุ่มได้กัน มึงรู้มั๊ย” กลัวกันหมด

ไอ้สัปเหร่อใกล้ผี ไอ้ชีใกล้พระ ไอ้สัปเหร่อใกล้ผี มันกลัวผีที่ไหน มันได้เงิน ไอ้ชีใกล้พระก็จะเอาพระเป็นผัว หลวงพ่อพูดกับชีปุก ตรงทางเดิน อาตมาอยู่ด้วยเดินตามหลังท่านเพิ่งกลับจากไปรับสังฆทาน ที่บ้านโยมกลับมาด้วยกัน

อาตมาถูกส่งไปสอนธรรมะ ที่ภาคใต้ ไปช่วยหลวงตาแอบ (เปิดสาขาปฏิบัติธรรมหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ที่หาดใหญ่ สงขลา) หลวงตามหาอินทร์ หลวงตาผัน พอหลวงพ่อวัดปากน้ำ ใกล้มรณภาพ ท่านก็เรียกให้กลับ ตอนไปภาคใต้ หลวงตามหาอินทร์ ถูกนายสุพัฒน์ พิณสมาน นายสถานีหาดใหญ่ถามว่า เห็นครั้งแรกเป็นดวง เรียกว่าอะไร หลวงตาอินทร์ไม่รู้ แล้วดวงเล็กๆขยายดวงใหญ่ๆ เรียกอะไร ไม่รู้ หลวงตาอินทร์เสียใจ กลับมารีบมาเรียนบาลี เรียนนักธรรมชั้นโท จะได้ไปตอบเขาได้ ปัจจุบันหลวงตาแอบ หลวงตาอินทร์มรณภาพแล้ว

หลวงพ่อวัดปากน้ำ มรณภาพ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2502 ก่อนหน้าในช่วงนั้นท่านมีภิกษุที่ไว้ใจ ชื่อ พระใหญ่ ฐิตตเวโท แต่มันทำให้หลวงพ่อเสียใจ เรียกว่ามันผลาญทั้งเงิน ผลาญทั้งชื่อเสียงหลวงพ่อ ทำเสียมาก แต่หลวงพ่อก็ไม่ว่ากระไร ท่านก็ทำวิชชาเรื่อยไป พระครูปัญญาภิรัต พระครูปลัดธนิต หาแพทย์อย่างดีจาก โรงพยาบาลศิริราชบ้าง จุฬาบ้าง ฉีดยาหลวงพ่อ หลวงพ่อบอกว่า อืม...ฉีดก็ฉีดเข้าไปในหิน ฉีดเข้าไปในหิน หินมันไม่รับรู้อะไรแล้วละ ฉีดไปในกายหลวงพ่อนี่ยาก็เข้าไป แต่มันไม่รับรู้ท่านบอก มันจะไปของมันท่าเดียว มันจะไปนิพพาน

(เรื่องเล่าโดย พระพุทธสาสนโสภณ(หลวงพ่อสุบิน) วัดหัวเขา บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 140 โดยสิงหล 17ธ.ค.58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 140 โดยสิงหล 17ธ.ค.58

   เวลาใครไปทำผิด แล้วท่านไปพูดที่โบสถ์เลย เช่นไปต้มข้าวต้มกิน ไปทำอะไรไม่ถูก ก็เอามาสอนเลย พูดเลยให้เจ้าตัวรู้ ให้คนนี่กลัวกัน ท่านให้พระครูปัญญาภิรัต รายงาน วันนี้ปัจจุบันมาเท่าไหร่ หักเท่านั้นๆ มาครบเท่านั้น และขาดเท่านั้น ป่วยเท่านั้น ลาเท่านั้น นับทุกวัน จบแล้วพระครูปลัดธนิต รายงานสามเณรปัจจุบันเท่านั้นองค์ มาทำวัตรเท่านั้นองค์ ขาดเท่านั้นองค์ ป่วยเท่านั้นองค์ ลาเท่านั้นองค์ ต้องกราบเรียนอย่างนี้ทุกวันไป แม่ชีมีแผนกต่างหาก แต่ถ้าวันอาทิตย์ วันพระ ต้องมาหมดเลย หลวงพ่อเทศน์มาหมดเลย บางครั้งท่านก็บอกไอ้สัปเหร่อใกล้ผี ไอ้ชีใกล้พระ เจ็บเลยนะ วันหนึ่งชีญาณีกับชีอะไรนะ จำไม่ได้พากันมา หลวงพ่อสั่งนะ ตะวันออกเฉียงเหนือ แม่ชีเขาอยู่กัน พระอยู่ทิศตะวันตก ข้างๆติดโบสถ์ไปทางทิศตะวันออก หลวงพ่อว่าตะวันออกเฉียงเหนือพวกชี ใครอย่าไปหาใครนะ พระเณรอย่าไปหาชี ชีอย่าไปหาพระ ต้องได้รับอนุญาตก่อน ถ้าไม่ได้รับอนุญาตไปหากันไม่ได้ ถ้าเกิดมันเสียขึ้นองค์นะ มันเสียทั้งประเทศ มันเสียทั้งประเทศยังไง 
อ้าว ก็พระเณรอยู่กับหลวงพ่อ ทั่วประเทศ จังหวัดละสิบ บางครั้งจังหวัดถึงยี่สิบ ถ้ามันไปเสียสักคู่นะ ชีพระไปเสียนะต้องประกาศ ชีนั้นบ้านนั้นจังหวัดนั้น พระบ้านนั้นจังหวัดนั้น ไปทำสกปรกไม่ดี ผิดธรรม ผิดวินัย นี่มันเสียทั้งประเทศ เงียบกริบกลัว ถ้าทำดีก็ดีทั้งประเทศ

  (เรื่องเล่าโดย พระพุทธสาสนโสภณ(หลวงพ่อสุบิน) วัดหัวเขา บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 139 โดยสิงหล 16 ธ.ค. 58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 139 โดยสิงหล 16 ธ.ค. 58

   ประโยคเก้าประโยคแปด นั่งหน้า ถ้าไม่มานะ ท่านดูที่ใครว่าง บอกว่าประโยคเก้าประโยคแปดหายไปไหน ไอ้เซ่อ คำว่าไอ้เซ่อนี่ มันฉลาดในด้านอกุศล หลบหลีกเลี่ยงไม่ทำตามเวลา ไม่ฉลาดนะ มันฉลาดในด้านอกุศล ถึงกำหนดไปเรียนไม่ไปเรียน ถึงกำหนดสอนไม่ไปสอน ถึงกำหนดทำวัตรไม่มาทำวัตร อืม...เรียกมันว่าไอ้เซ่อ(หัวเราะ) อู้ยเจ็บเหลือเกิน เป็นพระแต่เอาดีแบบฆราวาส พอเป็นฆราวาสกลับมาเอาดีกับพระ มาสอนพระ ถึงกำหนดเวลาต้องหยุดต้องนิ่ง ห่มผ้าเลย ได้ยินเสียงกลองหยุดเลย แล้วมาคอยกันที่หน้าโบสถ์ พอระฆังเล็กอีกที พระออกเดินนำ แล้วก็เดินเป็นแถวแนวระดับ ตามที่กำหนดไว้ดูสง่าจริงๆเลย สวย เหมือนพระอรหันต์ สารีบุตร โมคคัลลานะ มีสาวกองค์ละ ห้าร้อย ห้าร้อยแต่ในบรรดาห้าร้อย พระอรหันต์เหล่านี้ไม่ใช่พระอรหันต์ทุกองค์นะ เป็นปุถุชนสงฆ์ ก็ยังมี ท่านเทศน์เราก็ฟังเพลินเชียว เราก็ฟัง แล้วหลวงพ่อท่านทำได้ ทำเป็นแบบฉบับ เป็นเนติแบบแผน เป็นระเบียบวินัย สมกับที่หลวงพ่อท่านพูดไว้ว่า "พาหุสัจจัญจะ สิปปัญจะ วินะโย จะ สุสิกขิโต สุภาสิตา จะ ยา วาจา เอตัมมัง คะละมุตตะมัง" ความเป็นพหูสูตพาหุสัจจัญจะ สิปปัญจะ วินะโย จะ สุสิกขิโต มีคำพูดเป็นสุภาษิต มีวินัยระเบียบ อันร่ำเรียนมา ศึกษามาแล้ว เอตัมมัง คะละมุตตะมัง เป็นมงคลอันสูงสุด "พาหุสัจจัญจะ สิปปัญจะ วินะโย จะ สุสิกขิโต สุภาสิตา จะ ยาวาจา เอตัมมัง คะละมุตตะมัง" ท่านเทศน์มงคลสูตร วันพระละบทเงียบกริบ นี่อาตมาฟัง มหาเปรียญประโยคเก้าประโยคแปดฟังเงียบกริบหมดเลย แล้วหลวงพ่อท่านเอาที่ไหน มาเทศน์ทุกวันในโบสถ์ไม่มีเบื่อฟังทุกวัน พอทำวัตรเสร็จนะเก้านาที สิบนาที หลวงพ่อเห็นเวลา ถึงจะสองโมงท่านรีบลงเลย พอสองโมงตีระฆัง เรียกเข้าเรียน ท่านตรงเวลามาก

   (เรื่องเล่าโดย พระพุทธศาสนโสภณ (หลวงพ่อสุบิน)วัดหัวเขา บุคคลยุคต้นวิชชา 2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำตอนที่ 138 โดยสิงหล 15 ธ.ค. 58

 


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำตอนที่ 138       โดยสิงหล 15 ธ.ค. 58

   อาตมาจะเล่าให้ฟังเรื่องหลวงพ่อสด อาตมาประทับใจเหตุที่ท่านสอนมานานแล้ว เรื่องวิชชา เรื่องอะไรต่างๆ คือหลวงพ่อเนี่ย ท่านรักษาเวลา แล้วก็นำ แล้วก็สั่ง พอถึงกำหนดหกโมงเช้าตีระฆัง เลิกละกิจการงานทั้งหมดห่มผ้า แล้วมารวมพร้อมกันที่หน้าโบสถ์ พอได้ยินระฆังเล็กอีกทีหนึ่ง หลวงพ่อก็เดินนำหน้าพระครูปัญญาภิรัตปลัดธนิตเดินตาม พระครูปัญญาภิรัตที่ปกครองพระ พระครูธนิตปกครองเณรเดินเป็นแถวแนวระดับดิ่งไปศาลาฉัน ฉันเป็นระเบียบเรียบร้อย ให้ดูผู้ใหญ่ก่อน ผู้ใหญ่ตักเปิบคอยดูนะแล้วเขาก็ทำตาม พอฉันอิ่มแล้ว ท่านก็เดินเข้าแถวแนวระดับ หลวงพ่อเดินนำธรรมกายตามจบธรรมกาย พระครูปัญญาภิรัต แล้วก็ปลัดธนิตปกครองเณรเข้าแถวแนวระดับ เข้าโบสถ์หลวงพ่อให้ธรรมกายนั่งติดท่าน ต่อไปก็เป็นมหาประโยคแปดเก้า ยันประโยคสาม จบประโยคสามแล้ว ให้นักธรรมชั้นเอกโทต่อตรีต่อ ไอ้ที่ยังไม่ได้อะไรเลยให้นั่งหลังเป็นการดัดนิสัย ท่านขึ้นเทศน์ท่านยกศัพท์ “พาหุสัจจัญจะ สิปปัญจะ วินะโย จะ สุสิกขิโต สุภาสิตา จะ ยา วาจา เอตัมมัง คะละมุตตะมัง” ท่านเร็ว พูดเร็ว สอนเร็ว ความเป็นพหูสูตพาหุสัจจัญจะสิบปัญจะ มีศีลชนิดใดชนิดหนึ่ง ชำนาญการคล่องแคล่ว วินะโย จะ สุสิกขิโต ผู้มีระเบียบวินัยอันศึกษามาดีแล้ว แล้วปฏิบัติตามอันเป็นมงคลอันประเสริฐ พูดๆไป ทหารนักเรียนต้องเป็นระเบียบ มันถึงจะดูน่าชม แม้แต่นกบินไปในอากาศ นกช้อนหอยโบราณ นกกาบบัว ปรากฏว่าบินไปๆๆๆเห็นว่าบางตัวบินไม่ทัน แตกแยกแถวออกไปดูไม่งาม ไอ้หัวหน้าตีโค้ง ตีกลมเป็นวง ตีวงกลมบินเป็นวงกลม พอมาทันทุกตัว ทุกตัวบินมาเข้าแถว หัวหน้าออกแล้วเป็นแถว บินไปเป็นแถวนี่ สัตว์เดรัจฉานยังมีวินัย เราเป็นพระเป็นเณรทำไมไม่มีวินัย(หัวเราะ) โอ้โหเจ็บกันหมด อู้หูเจ็บจังเลย

(เรื่องเล่าโดย พระพุทธศาสนโสภณ (หลวงพ่อสุบิน) วัดหัวเขา บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 137 โดยสิงหล 14 ธ.ค. 58

 


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 137 โดยสิงหล 14 ธ.ค. 58


   หลังจากได้ธรรมกาย ได้ 18 กาย จนชำนาญคล่องแคล่วแล้ว ในปี พ.ศ. 2478 หลวงพ่อวัดปากน้ำ ก็ให้เข้าโรงงาน ทำวิชชาทุกวัน หลวงพ่อท่านให้เข้าทุกวัน นั่งทำวิชชาอยู่จนกระทั่งหลวงพ่อมรณภาพ

   ในโรงงานทำวิชชามีฝากั้นห้องฝั่งหนึ่งเป็นแม่ชี อีกฝั่งหนึ่งเป็นพระ เณร แล้วก็มีห้องหลวงพ่อเชื่อมอยู่ ท่านนั่งสั่งงาน ฝ่ายแม่ชีที่พอจำได้ก็มี ตรีธา ญาณี ทองแท้ แม่ชีฉลวย แม่ชีถนอม แม่ชีปุก แม่ชีทองสุข แม่ชีจันทร์ แม่ชีเธียร พระเณรก็มี หลวงพ่อเล็ก(มหาเจียก) ธีระธัมโม มหาณรงค์(นานๆทีเข้า) หลวงตาผัน หลวงตาอินทร์ หลวงตาแอบ หลวงตาใจ หลวงพ่อวีระ เณรก็มี เณรวัฒนา เณรรอด จะว่าไปคนที่จะเข้าโรงงาน ทำวิชชานั้นหายาก พวกมหาเปรียญก็ถือว่ามีความรู้ดี มีความรู้สูงแล้ว ไม่ไปนั่งหลับตาหรอก แต่หลวงพ่อสดท่านว่า ไอ้ความรู้ในกระดาษ มันก็พึ่งกระดาษ รู้ในกระดาษ มันก็พึ่งกระดาษ ท่านพูดว่า...ยันเต ภะคะวะตา ฌานะตา ปัสสะตา อาระหะตา สัมมา สัมพุทเธนะ เดี๋ยวท่านแปลให้แล้วยันเตภะคะวา พระผู้มีพระภาคเจ้าองค์ใด ฌานะตา รู้แล้ว ปัสสะตา เห็นแล้ว ทั้งรู้ทั้งเห็นเชียวนะ นี่พวกเรามันรู้ในกระดาษ เห็นในกระดาษ ได้ใบตราตั้งกระดาษ ได้ยศจากที่ในกระดาษก็ยังใช้ได้ ยังดีแต่ก็ดีแค่เปลือกๆ อืมม...ยันเต ภะคะวะตา พระผู้มีพระภาคเจ้าองค์ใด ฌานะตา รู้แล้ว ปัสสะตา เห็นแล้ว อะระหะตา สัมมา สัมพุทเธนะ เป็นพระอรหันต์เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาหลวงพ่อพูด พูดเป็นศัพท์ยกบาลีแปลเป็นคำศัพท์ มหาบุญมาประโยคเก้า มหาช่วงประโยคเก้า(สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์) มหาสว่างเล็ก ป.ธ. 9 มหาสว่างใหญ่ ป.ธ. 9 พากันอึ้ง หลวงพ่อเอาในท้องมาแปลให้เราฟัง เรามันแปลในกระดาษสู้หลวงพ่อไม่ได้


   (เรื่องเล่าโดย พระพุทธศาสนโสภณ (หลวงพ่อสุบิน) วัดหัวเขา บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 136 โดยสิงหล 13 ธ.ค. 58

 


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 136 โดยสิงหล 13 ธ.ค. 58

แม้ทุกวันนี้ก็ปฏิบัติอยู่นะ สกิทาคามรรค สกิทาคาผล หน้าตักกว้างสิบวา เกตุดอกบัวตูมใสเป็นกระจกคันฉ่องส่องเงาหน้า แต่ถ้าจะต่อก็ต่อได้ กายพระสกิทาคาหน้าตักกว้างสิบวา สูงสิบวา เกตุดอกบัวตูมใสมากขึ้น หยุดมากขึ้น นิ่งมากขึ้น สะอาดมากขึ้น ทับทวีใสเข้าศูนย์กลางกายพระสกิทาคา พอถูกส่วนก็เห็นดวงปฐมมรรคหยุดนิ่งกลางดวงปฐมมรรคเห็นดวงศีล หยุดนิ่งกลางดวงศีลก็เห็นดวงสมาธิ ทำให้ใสทุกดวง ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะใสทุกดวง เข้ากายพระอนาคามีหยาบ อนาคามีละเอียด หน้าตักกว้างขยายไปอีก กว้างสิบห้าวา สูงสิบห้าวา เกตุดอกบัวตูมใสทำหน้าที่แกะสังโยชน์อีกสองเปราะ กามราคะ ปฏิฆะ ถ้ามีแล้วมันร้อน ปฏิฆะความกระทบกระทั่งแห่งจิต ไปเจอรูปที่ไม่สวยไม่งาม ไม่ชอบก็เป็นทุกข์ ชอบก็เป็นทุกข์ พระสกิทาคาพึงละ 2 เปราะ กามราคะ ปฏิฆะ แห่งจิตหายไป สกิทาคาก็หยุดในหยุด นิ่งในนิ่ง กลางของกลางกลางของกลางซ้ายขวาหน้าหลังไม่ไปซ้อนอัดทับทวีให้ใสเข้าศูนย์กลางกายสกิทาคาละเอียดนิ่งหนักขึ้น ใสหนักขึ้น สว่างหนักขึ้น เข้าไปดวงวิมุตติญาณทัสสนะ ใสใสใสผ่านอีกทีเข้ากายอรหัตหยาบ อรหัตละเอียด ขยายหน้าตักยี่สิบวา สูงยี่สิบวา เกตุดอกบัวตูมใสเป็นกระจกคันฉ่องส่องเงาหน้า ทำหน้าที่แกะสังโยชน์อีกห้าเปราะ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน ชาติภพไม่มี ชาติไม่ติด ภพไม่ติด อวิชชาไม่มี ตัณหาไม่มี ไม่มีแล้ว ละได้หมดแล้ว กายอรหัตมรรค อรหัตผล หน้าตักกว้างยี่สิบวา สูงยี่สิบวา เกตุดอกบัวตูมใสพออยู่กายนี้แล้วใสหนักขึ้น สะอาดหนักขึ้นแล้ว หลวงพ่อมงคลเทพมุนีท่านก็ตรัสเรียกว่าอะหังอิติปิ ธรรมกาโย ตถาคโต เราตถาคตคือตัวธรรมกาย หน้าตักกว้างยี่สิบวา เกตุดอกบัวตูมใสเหมือนกระจกคันฉ่องส่องเงาหน้า อยู่ในกายพระอรหัต สูงสุดกว้าง สูงสุดใหญ่ สูงสุดยี่สิบวา เกตุดอกบัวตูมใสเหมือนกระจกคันฉ่องส่องเงาหน้า พระอรหัตทุกองค์ต้องทำบรรลุธรรมกายทุกองค์ เห็นทุกองค์ กว่าจะเห็นพระบาลี อะหังติปิ ธรรมกาโย ตถาคโต เหล่าตถาคตคือตัวธรรมกาย อยู่ในพระนิพพาน ส่วนกายเนื้อกายหนังของพระองค์ 80 ปี ก็เผาที่เมืองกุสินาราราชธานี กระดูกเป็นพระบรมสารีริกธาตุ สาธุชนนำไปบูชา ส่วนกายธรรมกายอยู่บนพระนิพพาน นี่หลวงพ่อมงคลเทพมุนีวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ท่านสอนอย่างนี้ ข้าพเจ้าเอง อาตมาเองตอนอยู่วัดปากน้ำ ก็เดินด้วย 18 กายอย่างนี้ อายุ 25 ปี อาตมาก็บรรลุธรรมกาย

(เรื่องเล่าโดย พระพุทธศาสนโสภณ (หลวงพ่อสุบิน) วัดหัวเขา บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 135 โดยสิงหล 12 ธ.ค. 58

 



โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 135 โดยสิงหล 12 ธ.ค. 58


   พระโสดาปฏิผล ห้าดวง เข้าไปอยู่ในกาย พระโสดาปฏิมรรค พระโสดาปฏิผล พระธรรมกายต้นๆของหลวงพ่อมงคลเทพมุนี วัดปากน้ำภาษีเจริญ หน้าตักกว้างห้าวา สูงห้าวา เกตุดอกบัวตูมใสเป็นกระจกคันฉ่องส่องเงาหน้า หยุดนิ่งในหยุด นิ่งในกลางของกลาง ของกลาง ซ้ายขวา หน้าหลังไม่ไป ซ้อนอัดทับทวีให้ใสละ

...

สักกายทิฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส สังโยชน์สามเปราะนี่ พระโสดาบันก็แกะออก หายไปแล้ว พระโสดาบันก็หยุดนิ่ง เข้าศูนย์กลางกายพระโสดาบัน พอหยุดนิ่งถูกส่วน ก็เห็นดวงปฐมมรรค ก็ผ่านดวงศีลดวงสมาธิ ดวงปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะห้าดวง ใส

...

พอธรรมกายใสหนักเข้า ก็เห็นกายสกิทาคาหยาบ สกิทาคาละเอียดหน้าตักกว้าง สิบวาสูงสิบวา เกตุดอกบัวตูมใสเป็นกระจก คันฉ่องส่องเงาหน้า ขยายหน้าตักจากพระโสดาบัน เป็นสกิทาคา หน้าตักกว้างสิบวา เกตุดอกบัวตูมใสเป็นกระจกคันฉ่องส่องเงาหน้า พระสกิทาคาก็ทำหน้าที่ละสังโยชน์สามเปราะ เช่นเดียวกับพระโสดาบัน แต่พระสกิทาคานั้นไม่มีราคะเสียแล้วนั้นตัดไป โทสะก็ตัดไปแล้วไม่มี โมหะก็ไม่มี ใสสว่างอยู่ในคุณธรรมของบุคคลที่สอง สกิทาคามรรค สกิทาคาผล


(เรื่องเล่าโดย พระพุทธศาสนโสภณ (หลวงพ่อสุบิน) วัดหัวเขา บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 134 โดยสิงหล 11 ธ.ค. 58

 


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 134 โดยสิงหล 11 ธ.ค. 58

   

     อาตมาพบหลวงพ่อสด ได้เพราะว่าได้ยินกิตติศัพท์ ร่ำลือคุณงามความดี อันมหาศาลของหลวงพ่อ อาตมาเดิมเป็นคนอำเภอ เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี เกิดเมื่อเดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2472 ได้ยินตั้งแต่สมัยบวชเป็นเณรปี พ.ศ. 2491 อายุ 18 แต่ยังไม่มีโอกาสได้ไป  

พ.ศ. 2492 สอบได้นักธรรมชั้นตรีที่ วัดใหม่สุวรรณภูมิ ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี แล้วก็เรียนนักธรรมชั้นโทต่อ ที่วัดใหม่สุวรรณภูมิ 

พ.ศ. 2493 บวชพระ โดยมีอุปัชฌาย์คือ หลวงพ่อแขก (พระครูเอนกคุณากร) ตอนนั้นอาตมายังสอบไม่ได้ชั้นเอก 

พ.ศ. 2495 ไปอยู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เหตุที่ไปได้เพราะ ร้อยโทแจ่ม ไรละรุจิ พาไปวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ก็ไม่รู้จักใครหรอก พาไปฝากหลวงพ่อเลย อาตมาก็กราบหลวงพ่อ แล้วบอกว่าต้องการจะมาเรียน ธรรมชั้นโท หลวงพ่อก็เรียกพระครูปัญญาภิรัติ แผนกต้อนรับ พระปกครองพระวัดปากน้ำ มารับเข้าบัญชี แล้วก็ส่งไปอยู่แผนกเนกขัมมะก่อน บังเอิญเนกขัมมะเต็ม คณะหลวงพ่อมีกุฏิว่างห้องหนึ่งก็เลยได้มาอยู่ใกล้ๆหลวงพ่อ

   อยู่กับหลวงพ่อแล้ว เช้าก็เรียนนักธรรมชั้นโท บ่ายเรียนบาลี พอห้าโมงเย็นก็เข้านั่งสมาธิ เรียนวิชชาธรรมกายทุกวันในโบสถ์ ส่วนตอนกลางคืนช่วงสองทุ่ม ถึงสองทุ่มครึ่งมีการนั่งเพิ่มเติมที่คณะอนาลัย คณะเนกขัมมะบ้าง คณะพระครูปัญญาภิรัติก็มี ต่อวิชชาธรรมกาย ให้เข้าศูนย์กลางกายหยุดนิ่ง ก็เห็นดวงปฐมมรรค หยุดนิ่งกลางดวงปฐมมรรค ผ่านไปเห็นดวงศีล เห็นดวงสมาธิ เห็นดวงปัญญา เห็นดวงวิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะใสใส ห้าดวงเข้าถึงกายหยาบมนุษย์ละเอียด ผ่านอีกห้าดวง เข้าถึงกายทิพย์หยาบ กายทิพย์ละเอียด เข้าถึงดวงศีล ดวงสมาธิ ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะใสๆ ห้าดวงเมื่อผ่านกายทิพย์แล้วก็เข้าไปกายพรหมหยาบ พรหมละเอียด เข้าดวงศีล ดวงสมาธิ ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะใสๆ ในกลางอรูปพรหมหยาบ อรูปพรหมละเอียด ก็ผ่านเข้ากายอรูปพรหมหยาบ อรูปพรหมละเอียด ถึงกายอาฬดาบส อุทกดาบส กาลาโคตร ผ่านดวงศีลดวงสมาธิ ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ เข้าไปในกายโคตรภูธรรมหยาบ โคตรภูธรรมละเอียด ผ่านห้าดวง เข้าไปอยู่ในกายพระโสดาปฏิมรรค พระโสดาปฏิผลหน้าตักกว้างห้าวา สูงห้าวา เกตุดอกบัวตูมใสเป็นกระจกคันฉ่องส่องเงาหน้า เข้าไปอยู่ในดวงปฐมมรรค หยุดนิ่งกลางดวงปฐมมรรคเห็นดวงศีล หยุดนิ่งกลางดวงศีลเห็นดวงสมาธิ หยุดนิ่งกลางดวงสมาธิเห็นดวงปัญญา หยุดนิ่งกลางดวงปัญญาเห็นดวงวิมุตติ เห็นดวงวิมุตติญาณทัสสนะใสๆห้าดวง เข้าไปอยู่ในกายพระโสดาปฏิมรรค


   (เรื่องเล่าโดย พระพุทธศาสนโสภณ (หลวงพ่อสุบิน) วัดหัวเขา บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 133 โดยสิงหล 10 ธ.ค. 58

 


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 133 โดยสิงหล 10 ธ.ค. 58


   สมัยก่อนการทำอาหาร เมนูจะขึ้นอยู่กับวัตถุดิบ ที่มีคนมาถวาย แต่สมัยนี้เงินดีขึ้น ก็จะทำตามที่เจ้าภาพ แจ้งเมนูมาให้ หลวงพ่อไม่ค่อยออกไปฉันนอกวัด ยกเว้นผู้มีอุปการคุณกับวัด หรืองานสำคัญ ที่เขานิมนต์ไป ท่านถึงจะไป ครั้งสุดท้ายที่หลวงพ่อไปจำได้ว่า เป็นงานของจอมพลถนอม กิตติขจร ซึ่งเป็นลูกเขยของหลวงจบฯ นิมนต์ไป หลวงพ่อต้องเดินไป ที่วัดขุนจันทร์ สะพานหัน เพราะถนนยังมาไม่ถึงวัด ตอนนั้นหลวงพ่อเริ่มอาพาธบ้างแล้ว แต่เพราะมีอุปการคุณกัน จึงต้องไป

   หลวงพ่อสดบอกสมเด็จโพธิ์ ตอนนั้นยังไม่เป็น สมเด็จพระสังฆราช ท่านบอกว่า ต่อไปจะได้เป็นใหญ่ที่สุดในสงฆ์ แต่สมเด็จวัดโพธิ์ไม่เชื่อ หลังจากหลวงพ่อสดสิ้นไปแล้ว พอปีที่ท่านได้เป็นสมเด็จพระสังฆราช ท่านก็มากราบหลวงพ่อ บนหอหลวงพ่อ ที่วัดปากน้ำ มีอยู่ครั้งหนึ่งช่วงหลวงพ่ออาพาธ วันนั้นสมเด็จวัดโพธิ์ จะมาเยี่ยมหลวงพ่อสด แต่นั่งรถรับจ้างมา หลวงพ่อสดบอกให้พระเณร ตั้งแถวต้อนรับ พอรถรับจ้างมาถึง ท่านก็งงว่าใครบอกว่าจะมา พระเณรบอกว่า หลวงพ่อสดบอกว่า วัดโพธิ์จะมา ให้มาคอยต้อนรับ สมเด็จวัดโพธิ์เชื่อมั่น ศรัทธาหลวงพ่อสดมาก เพราะมีฌานวิเศษ หยั่งรู้ล่วงหน้าได้

หลวงพ่อสดท่านจะรัก สมเด็จช่วงมาก เวลาใครเอาทุเรียน มาถวายหลวงพ่อ หลวงพ่อจะจับพลูที่สวยๆ แล้วบอกว่าให้เอาไป ให้ท่านช่วง ซึ่งตอนนั้นท่านช่วงยังเป็นพระหนุ่ม อายุยังไม่มาก ยังไม่ได้เป็นสมเด็จ แล้วท่านบอกว่าฉันแล้วดี ต่อไปจะได้เป็นสมภาร แล้วก็จริงตามที่ท่านพูดไว้ ส่วนพลูที่ไม่สวย หลวงพ่อเอาไว้ฉันเอง เวลาหลวงพ่อสอนธรรมะ ท่านจะพูดเสมอว่า “เรียนแล้ว ต้องเรียนให้เก่งกว่าครู”


(เรื่องเล่าโดย แม่ชีธัญญาณี สุดเกตุ บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 132 โดยสิงหล 9 ธ.ค. 58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 132 โดยสิงหล 9 ธ.ค. 58

   อาหารที่หลวงพ่อฉัน ท่านไม่เคยเลือก ไม่ว่าจะเป็นอาหารคาว อาหารหวาน หลวงพ่อไม่เคยบอกว่า จะฉันอะไร มีอะไรถวายท่านมา ท่านก็ฉันอย่างนั้น ท่านไม่เคยบอกเลยว่าจะให้จัดแกงอะไรมาถวาย ฉันง่าย แม้กระทั่งแม่ครัวหุงข้าวแล้วข้าวดิบ ไม่สุก แข็ง หลวงพ่อก็มีเมตตา พูดไม่ให้เสียน้ำใจ บัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น  คือมีอยู่วันหนึ่งแม่ครัวนึ่งข้าว แล้วก็นึกว่าสุกแล้ว ไม่ได้เขี่ยดู ก็เตรียมไปถวายหลวงพ่อ พอไปถึงหลวงพ่อบอกว่า แม่ครัวช่วยเปลี่ยนข้าวให้หน่อย ข้าวมันแข็ง พอเรามาดูปรากฏว่าข้าวแข็ง ทั้งดิบ แต่หลวงพ่อท่านไม่ได้ตำหนิ อะไรเลย ท่านมีเมตตามาก

  เวลาเรายกสำรับเข้าไป ถวายหลวงพ่อ วันนั้นหลวงพ่อเอ่ยปากว่า อยู่ไม่ได้แล้ว ตอนนั้นหลวงพ่อป่วยอยู่ แต่ก็ยังอยู่ต่อมาได้อีก 3 ปี นั้นเป็นบารมีของหลวงพ่อ มีคุณหมอเลียว ผู้อำนวยการเจ้ากรมแพทย์ ซึ่งเป็นน้องของคุณแม่ท้วม มาคอยดูแลหลวงพ่อ จำได้ว่าตอนที่หลวงพ่อ เริ่มจะป่วย หลวงพ่อนัดประชุมทั้งวัด ทั้งพระภิกษุ สามเณร แม่ชี ลูกศิษย์วัด หลวงพ่อขอให้ทุกคนเป็น เจ้าภาพเลี้ยงพระ ให้เลี้ยงปีละ 1 วัน วันไหนก็ได้ ให้ไปชวนพ่อแม่ญาติพี่น้อง ให้ครบ 365 วัน ตอนนั้นพระครูปัญญาภิรัติคิดว่าหลวงพ่อจะปลงสังขารแล้ว ก็ขออาราธนาให้หลวงพ่อ อยู่นานๆ ตอนนั้นประชุมกันที่ศาลาเก่า หลวงพ่อเป็นผู้ริเริ่ม โครงการเลี้ยงพระ เป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารพระประจำวัน สำหรับตัวฉันทำให้พ่อ 1 วัน ให้แม่ 1 วัน ปีหนึ่งทำ 2 วัน

   ปฏิปทาของหลวงพ่อดีมาก คือ ท่านส่งเสริมทั้งด้านปริยัติ และด้านปฏิบัติ ท่านจะเน้นเรื่องทำวิชชา สอนธรรมะเป็นหลัก ใครสอบได้เป็นมหาเปรียญ หลวงพ่อจะถวายผ้าไตรให้ ส่วนพวกที่ธรรมกายทำวิชชาในโรงงาน หลวงพ่อจะมีค่าใช้จ่ายให้ คือหัวหน้าเวรจะได้ 300 บาท ลูกเวรจะได้ 25 บาท เป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต หลวงพ่อจะเน้นเรื่องการฝึกคน สอนคน ท่านไม่เคยไปขอร้องใคร มีแต่คนจะมาให้หลวงพ่อช่วย สมัยข้าวยากหมากแพงก็อดทนกันไป แต่ข้าวปลาอาหารก็ขาด พอข้าวจะหมด ก็ไปบอกหลวงพ่อ ท่านก็บอกว่ากำลังมา วันรุ่งขึ้นข้าวมาส่งให้จริงๆ

   (เรื่องเล่าโดย แม่ชีธัญญาณี สุดเกตุ บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)