โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 146 โดยสิงหล 23 ธ.ค. 58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 146 โดยสิงหล 23 ธ.ค. 58

   เรื่องการทำมาหากิน
   ลุงหลอมเล่าว่า พออายุได้ 15 ปี ลุงก็มาบวชเป็นเณร อยู่กับหลวงพ่อ อยู่ได้แค่พรรษาเดียวลุงก็จะสึก หลวงพ่อท่านไม่ให้สึก แต่เราก็ไม่อยากอยู่ สุดท้ายก็สึกจนได้ หลวงพ่อท่านคอยเตือนลุง อยู่เรื่อยตั้งแต่เป็นสมัยเด็กว่า อย่าไปคบพวกอันธพาล แต่ไอ้พวกนี้ มันก็ชอบมาหาลุงอยู่เรื่อย หลังจากที่ลุงไปเป็นทหาร รับใช้ชาติ พวกนี้มันชอบมา กวนจัง ไอ้ตัวเกๆมันชอบเรา มันบอกว่ากูไม่รักพวกมึง กูจะไม่มาชวนมึงหรอก พวกเยอะแยะ ทำไมกูไม่ชวน กูเห็นว่ามึงอดอยาก ยากจนลำบาก เงินทองเวลาเบี้ยเลี้ยงออกที ก็ไม่พอกินพอใช้ กูถึงจะมาชวนมึง แต่ลุงก็จำคำที่หลวงพ่อสอนไว้ เลยไม่ไปกับพวกมัน จึงรอดตัวมาได้ หลวงพ่อท่านคอยสอนอยู่เรื่อย โดยเฉพาะเรื่องการทำมาหากิน ท่านบอกว่า “ให้รู้จักยาก รู้จักจน รู้จักกิน รู้จักใช้ รู้จักหากิน ไอ้เรื่องบาปขอร้อง ไม่ให้ทำ ให้หากินอย่างอื่น อย่าไปเลี้ยงหมู เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ ห้ามเด็ดขาด” ท่านบอกว่ามารมันคอยพยายามจะเล่นงานอยู่ เพราะว่ามันอาฆาตหลวงพ่อวัดปากน้ำไว้ ท่านก็เลยสั่งลูกๆหลานๆไว้ว่า ไอ้ทางบาปไม่ให้เอา ให้หากินทางอื่น หากินไอ้สิ่งที่มีชีวิตไม่ให้เอา ให้ค้าขายอย่างอื่นไป
   ลุงก็เคยขัดขืนท่านอยู่ครั้งหนึ่งทดลองดู คือลุงไปเลี้ยงไก่ไว้ร้อยกว่าตัว ไก่ก็ดีอ้วนท้วนดี พอจะขายได้ ราคาลงใหญ่ ขายไปก็ขาดทุน แต่ก็ต้องขาย อีกทั้งยังต้องขายกรง ขายอะไรต่ออะไร จึงเอาทุนคืนมาได้ ก็นึกขึ้นมาได้ว่าหลวงลุง(หลวงพ่อวัดปากน้ำ) ก็สอนเราว่าไม่ให้เลี้ยง ไอ้เราก็ทดลองนึกว่ามันจะดี ไม่เชื่อท่าน เลี้ยงหมูก็เหมือนกัน หมูจะตายเจ็บ ต้องเลี้ยงไปรักษาไปฉีดยาไป ผลที่สุดหมูตาย ก็เลิกกัน ผมเลิกไม่เอาอีกเลย ตั้งแต่นั้นมา

  (เรื่องเล่าโดย ลุงฉลอม มีแก้วน้อย บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 145 โดยสิงหล 22ธ.ค. 58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 145 โดยสิงหล  22ธ.ค. 58

ขุดแก้วกายสิทธิ์
       สมัยแรกๆในยุคที่หลวงพ่อ
เริ่มสอนวิชชาธรรมกาย ยังมีพระเณรและแม่ชี ที่ได้ธรรมกายยังไม่มาก แต่ท่านเป็นคนชอบลองวิชชา มีครั้งหนึ่งหลวงพ่อท่านสั่งให้ ลูกศิษย์ขุดแก้วขึ้นมา หลุมที่ขุดขนาดใหญ่ หลุมเสาลึกไม่มากแค่ศอกเดียวเห็นจะได้ หลวงพ่อท่านใช้ธรรมกาย ดึงแก้วขึ้นมาให้สูง จะได้ขุดได้ง่ายๆ ท่านสั่งแม่ชีบุนนาคไปตาม ผู้ที่ดูแลแก้วนี้มาคุยด้วย ก็เหมือนมีคนมาเข้าร่าง แล้วก็พูดท้าทายหลวงพ่อว่า “ถ้ามึงแน่จริง มึงขุดซิ กูจะให้งูกัดมึง” หลวงพ่อท่านก็สั่งให้ ลูกศิษย์ขุดลงไป ไม่รู้งูมาจากที่ไหน อยู่ดีๆ มันก็โผล่มากัดแขน ไม่รู้เป็นงูผีหรือเปล่า บางครั้งแก้วก็เคลื่อนตัวไป แต่ในภายหลัง หลวงพ่อท่านใช้สายสิญจน์ ล้อมรอบขุดหลุม แล้วมีใส่ข้าวตอกดอกไม้ ลงไปด้วย เพื่อไม่ให้แก้วเคลื่อนหนีไป แล้วท่านก็ขุดเอาแก้ว ขึ้นมาได้จริงๆ ท่านเอาไว้ในโบสถ์ แต่อยู่ได้แค่ 7 วัน วันที่เจ็ดฟ้าผ่าเปรี้ยง แล้วแก้วก็หายไป หลวงพ่อจึงรู้ว่า เรายังไม่ชนะมาร ถ้าเราเอาแก้วนี้ไว้ได้ จะเลี้ยงคนได้มากมายมหาศาลทีเดียว หลังจากนั้นท่านจึงริเริ่ม ที่จะสร้างโรงงานทำวิชชาขึ้น

  (เรื่องเล่าโดย ลุงฉลอม มีแก้วน้อย บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 144 โดยสิงหล 21ธ.ค. 58


 

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 144 โดยสิงหล 21ธ.ค. 58


ลุงฉลอม มีแก้วน้อย


   นายฉลอม มีแก้วน้อย หรือที่รู้จักกันในนามลุงหลอม ลุงเล่าถึงประวัติของตนเองว่า เกิดวันอังคาร เดือนยี่ ปีพ.ศ. 2467 เป็นลูกของนายใส มีแก้วน้อย ซึ่งเป็นน้องชายของ หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ลุงหลอมเล่าให้ฟังว่าตอนเด็กๆอายุราว 6-7 ขวบ มาวัดปากน้ำกับโยมแม่ของ หลวงพ่อวัดปากน้ำ สมัยก่อนวัดปากน้ำ ช่วงปีพ.ศ. 2471 วัดเหมือนวัดที่อยู่ในชนบท ไม่เจริญอะไร มีสวนล้อมรอบวัด มีทั้งสวนลำไย สวนมะพร้าว มีต้นหมาก ต้นชมพู่ ดูแล้วร่มเย็น มีนกชุมโดยเฉพาะอีกา มีมากทีเดียว วัดปากน้ำสมัยนั้นอยู่ใกล้วัดหมู ก็เห็นหมูมากมายเป็นร้อย ร้องทีก็หนวกหูทีเดียว แต่ช่วงหลังๆพวกญวนจับไปหมด สมัยนั้นมีกุฏิเหมือนวัดบ้านนอก เป็นกฏิเครื่องไม้ สร้างเป็นหลังๆ แบ่งเป็นคณะๆ มีคณะกลาง คณะใต้ แล้วก็มีตัวโบสถ์ มีโรงครัวปลูกเป็นโรงไม้ เป็นบ้านไม้สังกะสี ส่วนถนนในวัดทำอย่างกับทางคนเดิน มีอิฐเป็นก้อนโต ปูเป็นทางเดิน ดูสวยงาม ทีเดียว วัดปากน้ำมีคลองล้อมรอบ มีคลองด่าน คลองบางหลวง คลองภาษีเจริญ เวลาคนไปมาวัดปากน้ำ ถ้าคนไม่มีเรือส่วนตัว ก็มาเรือเมล์ขาว ซึ่งจะวิ่งจากท่าไฟไหม้(ท่าภาษีเจริญ) ออกแม่น้ำเจ้าพระยา ไปปากคลองตลาด ไปท่าเตียน ไปราชวงศ์ ทางโรงครัวซึ่งมีแม่ท้วมดูแล เวลาจะไปซื้อกับข้าวกับปลา ก็ต้องลงเรือเมล์ไป ลุงสมัยนั้นเป็นเด็ก ก็ตามแม่ท้วมไปด้วย ไปซื้อของแถวราชวงศ์บ้าง แถวสะพานหันบ้าง ศาลาที่หลวงพ่อลงเทศน์จะเป็นศาลาไม้ กว้างและยาว จุคนได้มาก แค่พระเณรก็จุได้เป็นร้อยรูป วันปกติหลวงพ่อก็จะลงเทศน์ที่ศาลา แต่ถ้าเป็นวันพระ ท่านก็จะลงเทศน์ในโบสถ์


  (เรื่องเล่าโดย ลุงฉลอม มีแก้วน้อย บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 143 โดยสิงหล 20ธ.ค. 58


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 143   โดยสิงหล 20ธ.ค. 58

   เรื่องของแม่ชีจันทร์ อาตมาเคยได้ยินก่อนหน้านี้ ในโรงงาน แม่ชีปุกพาแม่ชีจันทร์ไปพบหลวงพ่อ แม่จะพาเจ้าไปพบพ่อใหญ่ ให้พ่อใหญ่ต่อวิชชาให้ หลวงพ่อท่านรับแขกเสร็จ ท่านก็บอกว่าให้มานั่งปฏิบัติกับหลวงพ่อสัก 3 วัน เดี๋ยวจะมีวิชชา สายธาตุสายธรรมสายสมบัติในนิพพานจะเพิ่มพูนให้ลูก ต่อไปลูกจะต้องดัง ทำงานอันยิ่งใหญ่ไพศาลแทนหลวงพ่อ หลังจากนั้น ก็มาได้ยินครั้งสุดท้าย วันที่ท่านจะมรณภาพ ท่านเรียกมาสั่งมอบมรดกธรรมให้ผู้ที่จะสืบทอดวิชชาของท่านต่อไป
   หลังจากหลวงพ่อวัดปากน้ำ มรณภาพ อาตมาก็กลับมาอยู่ที่สุพรรณบุรี มาพัฒนาวัดท่าช้าง หลวงพ่อได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าคณะอำเภอวัดท่าช้าง วัดใหญ่โต ต่อมาโยมนิมนต์ให้มาอยู่ที่วัดบ้านเกิด วัดหัวเขา เพราะหลวงตาทุ้ย ซึ่งรักษาการเจ้าอาวาสอาพาธ ใกล้มรณะ เขาก็ไปรับมา พอมา หลวงพ่อก็ขยายที่เพิ่มอีก 23 ไร่ 6 งาน เพราะเวลางานตักบาตรเทโวฯ คนมันแน่น ที่ไม่พอในการจัดงาน จึงซื้อที่เพิ่ม แต่หลวงพ่อก็ยังปฏิบัติวิชชาอยู่ ทำวิชชาธรรมกาย ตามแบบหลวงพ่อสด โดยเฉพาะวันพระ และวันอาทิตย์ หลวงพ่อจะมีเปิดสอนสมาธิ เวลาบ่าย 3 โมงถึงบ่าย 4 โมง ทำสมาธิต่อเนื่องมาไม่เคยขาด
   เมล็ดกล้าที่หลวงพ่อวัดปากน้ำ ได้เพาะขึ้นมา บัดนี้ เมล็ดกล้านี้ได้เจริญงอกงาม แผ่ร่มเงาแห่งพระพุทธศาสนา ให้เป็นที่พึ่งแก่สาธุชนทั่วไป หลวงพ่อสุบิน วัดหัวเขา แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าใด แต่ในใจพระเถระท่านนี้ ยังคงตระหนัก รักเคารพศรัทธา ในครูบาอาจารย์ อย่างมิแปรเปลี่ยน จนท่านได้รับแต่งตั้ง จากประเทศศรีลังกา เป็นพระราชาคณะตำแหน่ง ที่พระพุทธสาสนโสภณ ปัจจุบันท่านได้ละสังขารไปแล้ว เหลือไว้แต่คุณธรรมความดี ที่ท่านได้สร้างไว้ ในพระพุทธศาสนา และวิชชาธรรมกาย

 (เรื่องเล่าโดย พระพุทธสาสนโสภณ(หลวงพ่อสุบิน) วัดหัวเขา บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 142 โดยสิงหล 19 ธ.ค. 58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 142 โดยสิงหล 19 ธ.ค. 58

   วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2502 อาตมานั่งอยู่ด้านในโรงงานทำวิชชา หลวงพ่อก็สั่ง บอกว่าจะมรณภาพจริงๆ ท่านเรียก พระเณรเถรชีที่ได้ธรรมกาย มารวมกันหมดในโรงงาน ท่านก็เอนหลัง ลืมตามานั่งสั่ง เออ...ลูกชีจันทร์ ขนนกยูงนะ ต่อไปจะต้องทำงานใหญ่ แทนหลวงพ่อ 
อืม...สั่งพระ เณร ชีปุก ชีญาณีตรีธา ทองแท้ อยู่ในโรงงาน ทำโรงงาน แต่ต่อไปแม่ชีลูกจันทร์ ขนนกยูง นี่ต้องทำงานนอกโรงงานอย่างโด่งดังที่สุด ใหญ่ที่สุด สายธาตุสายธรรม เขาสั่งอย่างนั้น ให้ทำอย่างนั้น แล้วหลวงพ่อก็นิ่งเงียบ พอวันที่สองสั่งน้อยลง พอวันที่ 3 กุมภาพันธ์ เวลาบ่ายสามโมงห้านาที เสียงฆ้อง กลอง ระฆังดัง   
พระ เณร เถร ชี มากันหมด ร้องไห้กันระงมพร้อมเพรียง หมดร่มโพธิ์ร่มไทร ที่พึ่งอันประเสริฐนะ...แล้วท่านก็ดับ อาตมาอยู่จนกระทั่ง หลวงพ่อมรณภาพ
  (เรื่องเล่าโดย พระพุทธสาสนโสภณ(หลวงพ่อสุบิน) วัดหัวเขา บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 141โดยสิงหล 18ธ.ค. 58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 141โดยสิงหล 18ธ.ค. 58

วันหนึ่งชีปุกก็นำอาหารไป ให้กับพระมหาณรงค์ ตอนนั้นหลวงพ่อสั่งไว้ จะไปหาใครต้องขออนุญาต หลวงพ่อก่อน บังเอิญหลวงพ่อไม่อยู่ ก็นำอาหารไปให้ ก็กลับมาทางเดิม มาสวนหลวงพ่อเข้าพอดี หลวงพ่อก็พูดว่า “นั่นแน่ะ ขออนุญาตใคร” “ดิฉันแก่แล้วจะมาขออนุญาตหลวงพ่อก็ไม่เจอหลวงพ่อ เลยนำอาหารไปให้ท่านฉัน ดิฉันแก่แล้ว” “อีแก่สำคัญนัก อีแก่มันชักนำ ให้ชีสาวกับพระหนุ่มได้กัน มึงรู้มั๊ย” กลัวกันหมด

ไอ้สัปเหร่อใกล้ผี ไอ้ชีใกล้พระ ไอ้สัปเหร่อใกล้ผี มันกลัวผีที่ไหน มันได้เงิน ไอ้ชีใกล้พระก็จะเอาพระเป็นผัว หลวงพ่อพูดกับชีปุก ตรงทางเดิน อาตมาอยู่ด้วยเดินตามหลังท่านเพิ่งกลับจากไปรับสังฆทาน ที่บ้านโยมกลับมาด้วยกัน

อาตมาถูกส่งไปสอนธรรมะ ที่ภาคใต้ ไปช่วยหลวงตาแอบ (เปิดสาขาปฏิบัติธรรมหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ที่หาดใหญ่ สงขลา) หลวงตามหาอินทร์ หลวงตาผัน พอหลวงพ่อวัดปากน้ำ ใกล้มรณภาพ ท่านก็เรียกให้กลับ ตอนไปภาคใต้ หลวงตามหาอินทร์ ถูกนายสุพัฒน์ พิณสมาน นายสถานีหาดใหญ่ถามว่า เห็นครั้งแรกเป็นดวง เรียกว่าอะไร หลวงตาอินทร์ไม่รู้ แล้วดวงเล็กๆขยายดวงใหญ่ๆ เรียกอะไร ไม่รู้ หลวงตาอินทร์เสียใจ กลับมารีบมาเรียนบาลี เรียนนักธรรมชั้นโท จะได้ไปตอบเขาได้ ปัจจุบันหลวงตาแอบ หลวงตาอินทร์มรณภาพแล้ว

หลวงพ่อวัดปากน้ำ มรณภาพ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2502 ก่อนหน้าในช่วงนั้นท่านมีภิกษุที่ไว้ใจ ชื่อ พระใหญ่ ฐิตตเวโท แต่มันทำให้หลวงพ่อเสียใจ เรียกว่ามันผลาญทั้งเงิน ผลาญทั้งชื่อเสียงหลวงพ่อ ทำเสียมาก แต่หลวงพ่อก็ไม่ว่ากระไร ท่านก็ทำวิชชาเรื่อยไป พระครูปัญญาภิรัต พระครูปลัดธนิต หาแพทย์อย่างดีจาก โรงพยาบาลศิริราชบ้าง จุฬาบ้าง ฉีดยาหลวงพ่อ หลวงพ่อบอกว่า อืม...ฉีดก็ฉีดเข้าไปในหิน ฉีดเข้าไปในหิน หินมันไม่รับรู้อะไรแล้วละ ฉีดไปในกายหลวงพ่อนี่ยาก็เข้าไป แต่มันไม่รับรู้ท่านบอก มันจะไปของมันท่าเดียว มันจะไปนิพพาน

(เรื่องเล่าโดย พระพุทธสาสนโสภณ(หลวงพ่อสุบิน) วัดหัวเขา บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 140 โดยสิงหล 17ธ.ค.58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 140 โดยสิงหล 17ธ.ค.58

   เวลาใครไปทำผิด แล้วท่านไปพูดที่โบสถ์เลย เช่นไปต้มข้าวต้มกิน ไปทำอะไรไม่ถูก ก็เอามาสอนเลย พูดเลยให้เจ้าตัวรู้ ให้คนนี่กลัวกัน ท่านให้พระครูปัญญาภิรัต รายงาน วันนี้ปัจจุบันมาเท่าไหร่ หักเท่านั้นๆ มาครบเท่านั้น และขาดเท่านั้น ป่วยเท่านั้น ลาเท่านั้น นับทุกวัน จบแล้วพระครูปลัดธนิต รายงานสามเณรปัจจุบันเท่านั้นองค์ มาทำวัตรเท่านั้นองค์ ขาดเท่านั้นองค์ ป่วยเท่านั้นองค์ ลาเท่านั้นองค์ ต้องกราบเรียนอย่างนี้ทุกวันไป แม่ชีมีแผนกต่างหาก แต่ถ้าวันอาทิตย์ วันพระ ต้องมาหมดเลย หลวงพ่อเทศน์มาหมดเลย บางครั้งท่านก็บอกไอ้สัปเหร่อใกล้ผี ไอ้ชีใกล้พระ เจ็บเลยนะ วันหนึ่งชีญาณีกับชีอะไรนะ จำไม่ได้พากันมา หลวงพ่อสั่งนะ ตะวันออกเฉียงเหนือ แม่ชีเขาอยู่กัน พระอยู่ทิศตะวันตก ข้างๆติดโบสถ์ไปทางทิศตะวันออก หลวงพ่อว่าตะวันออกเฉียงเหนือพวกชี ใครอย่าไปหาใครนะ พระเณรอย่าไปหาชี ชีอย่าไปหาพระ ต้องได้รับอนุญาตก่อน ถ้าไม่ได้รับอนุญาตไปหากันไม่ได้ ถ้าเกิดมันเสียขึ้นองค์นะ มันเสียทั้งประเทศ มันเสียทั้งประเทศยังไง 
อ้าว ก็พระเณรอยู่กับหลวงพ่อ ทั่วประเทศ จังหวัดละสิบ บางครั้งจังหวัดถึงยี่สิบ ถ้ามันไปเสียสักคู่นะ ชีพระไปเสียนะต้องประกาศ ชีนั้นบ้านนั้นจังหวัดนั้น พระบ้านนั้นจังหวัดนั้น ไปทำสกปรกไม่ดี ผิดธรรม ผิดวินัย นี่มันเสียทั้งประเทศ เงียบกริบกลัว ถ้าทำดีก็ดีทั้งประเทศ

  (เรื่องเล่าโดย พระพุทธสาสนโสภณ(หลวงพ่อสุบิน) วัดหัวเขา บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 139 โดยสิงหล 16 ธ.ค. 58

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 139 โดยสิงหล 16 ธ.ค. 58

   ประโยคเก้าประโยคแปด นั่งหน้า ถ้าไม่มานะ ท่านดูที่ใครว่าง บอกว่าประโยคเก้าประโยคแปดหายไปไหน ไอ้เซ่อ คำว่าไอ้เซ่อนี่ มันฉลาดในด้านอกุศล หลบหลีกเลี่ยงไม่ทำตามเวลา ไม่ฉลาดนะ มันฉลาดในด้านอกุศล ถึงกำหนดไปเรียนไม่ไปเรียน ถึงกำหนดสอนไม่ไปสอน ถึงกำหนดทำวัตรไม่มาทำวัตร อืม...เรียกมันว่าไอ้เซ่อ(หัวเราะ) อู้ยเจ็บเหลือเกิน เป็นพระแต่เอาดีแบบฆราวาส พอเป็นฆราวาสกลับมาเอาดีกับพระ มาสอนพระ ถึงกำหนดเวลาต้องหยุดต้องนิ่ง ห่มผ้าเลย ได้ยินเสียงกลองหยุดเลย แล้วมาคอยกันที่หน้าโบสถ์ พอระฆังเล็กอีกที พระออกเดินนำ แล้วก็เดินเป็นแถวแนวระดับ ตามที่กำหนดไว้ดูสง่าจริงๆเลย สวย เหมือนพระอรหันต์ สารีบุตร โมคคัลลานะ มีสาวกองค์ละ ห้าร้อย ห้าร้อยแต่ในบรรดาห้าร้อย พระอรหันต์เหล่านี้ไม่ใช่พระอรหันต์ทุกองค์นะ เป็นปุถุชนสงฆ์ ก็ยังมี ท่านเทศน์เราก็ฟังเพลินเชียว เราก็ฟัง แล้วหลวงพ่อท่านทำได้ ทำเป็นแบบฉบับ เป็นเนติแบบแผน เป็นระเบียบวินัย สมกับที่หลวงพ่อท่านพูดไว้ว่า "พาหุสัจจัญจะ สิปปัญจะ วินะโย จะ สุสิกขิโต สุภาสิตา จะ ยา วาจา เอตัมมัง คะละมุตตะมัง" ความเป็นพหูสูตพาหุสัจจัญจะ สิปปัญจะ วินะโย จะ สุสิกขิโต มีคำพูดเป็นสุภาษิต มีวินัยระเบียบ อันร่ำเรียนมา ศึกษามาแล้ว เอตัมมัง คะละมุตตะมัง เป็นมงคลอันสูงสุด "พาหุสัจจัญจะ สิปปัญจะ วินะโย จะ สุสิกขิโต สุภาสิตา จะ ยาวาจา เอตัมมัง คะละมุตตะมัง" ท่านเทศน์มงคลสูตร วันพระละบทเงียบกริบ นี่อาตมาฟัง มหาเปรียญประโยคเก้าประโยคแปดฟังเงียบกริบหมดเลย แล้วหลวงพ่อท่านเอาที่ไหน มาเทศน์ทุกวันในโบสถ์ไม่มีเบื่อฟังทุกวัน พอทำวัตรเสร็จนะเก้านาที สิบนาที หลวงพ่อเห็นเวลา ถึงจะสองโมงท่านรีบลงเลย พอสองโมงตีระฆัง เรียกเข้าเรียน ท่านตรงเวลามาก

   (เรื่องเล่าโดย พระพุทธศาสนโสภณ (หลวงพ่อสุบิน)วัดหัวเขา บุคคลยุคต้นวิชชา 2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำตอนที่ 138 โดยสิงหล 15 ธ.ค. 58

 


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำตอนที่ 138       โดยสิงหล 15 ธ.ค. 58

   อาตมาจะเล่าให้ฟังเรื่องหลวงพ่อสด อาตมาประทับใจเหตุที่ท่านสอนมานานแล้ว เรื่องวิชชา เรื่องอะไรต่างๆ คือหลวงพ่อเนี่ย ท่านรักษาเวลา แล้วก็นำ แล้วก็สั่ง พอถึงกำหนดหกโมงเช้าตีระฆัง เลิกละกิจการงานทั้งหมดห่มผ้า แล้วมารวมพร้อมกันที่หน้าโบสถ์ พอได้ยินระฆังเล็กอีกทีหนึ่ง หลวงพ่อก็เดินนำหน้าพระครูปัญญาภิรัตปลัดธนิตเดินตาม พระครูปัญญาภิรัตที่ปกครองพระ พระครูธนิตปกครองเณรเดินเป็นแถวแนวระดับดิ่งไปศาลาฉัน ฉันเป็นระเบียบเรียบร้อย ให้ดูผู้ใหญ่ก่อน ผู้ใหญ่ตักเปิบคอยดูนะแล้วเขาก็ทำตาม พอฉันอิ่มแล้ว ท่านก็เดินเข้าแถวแนวระดับ หลวงพ่อเดินนำธรรมกายตามจบธรรมกาย พระครูปัญญาภิรัต แล้วก็ปลัดธนิตปกครองเณรเข้าแถวแนวระดับ เข้าโบสถ์หลวงพ่อให้ธรรมกายนั่งติดท่าน ต่อไปก็เป็นมหาประโยคแปดเก้า ยันประโยคสาม จบประโยคสามแล้ว ให้นักธรรมชั้นเอกโทต่อตรีต่อ ไอ้ที่ยังไม่ได้อะไรเลยให้นั่งหลังเป็นการดัดนิสัย ท่านขึ้นเทศน์ท่านยกศัพท์ “พาหุสัจจัญจะ สิปปัญจะ วินะโย จะ สุสิกขิโต สุภาสิตา จะ ยา วาจา เอตัมมัง คะละมุตตะมัง” ท่านเร็ว พูดเร็ว สอนเร็ว ความเป็นพหูสูตพาหุสัจจัญจะสิบปัญจะ มีศีลชนิดใดชนิดหนึ่ง ชำนาญการคล่องแคล่ว วินะโย จะ สุสิกขิโต ผู้มีระเบียบวินัยอันศึกษามาดีแล้ว แล้วปฏิบัติตามอันเป็นมงคลอันประเสริฐ พูดๆไป ทหารนักเรียนต้องเป็นระเบียบ มันถึงจะดูน่าชม แม้แต่นกบินไปในอากาศ นกช้อนหอยโบราณ นกกาบบัว ปรากฏว่าบินไปๆๆๆเห็นว่าบางตัวบินไม่ทัน แตกแยกแถวออกไปดูไม่งาม ไอ้หัวหน้าตีโค้ง ตีกลมเป็นวง ตีวงกลมบินเป็นวงกลม พอมาทันทุกตัว ทุกตัวบินมาเข้าแถว หัวหน้าออกแล้วเป็นแถว บินไปเป็นแถวนี่ สัตว์เดรัจฉานยังมีวินัย เราเป็นพระเป็นเณรทำไมไม่มีวินัย(หัวเราะ) โอ้โหเจ็บกันหมด อู้หูเจ็บจังเลย

(เรื่องเล่าโดย พระพุทธศาสนโสภณ (หลวงพ่อสุบิน) วัดหัวเขา บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 137 โดยสิงหล 14 ธ.ค. 58

 


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 137 โดยสิงหล 14 ธ.ค. 58


   หลังจากได้ธรรมกาย ได้ 18 กาย จนชำนาญคล่องแคล่วแล้ว ในปี พ.ศ. 2478 หลวงพ่อวัดปากน้ำ ก็ให้เข้าโรงงาน ทำวิชชาทุกวัน หลวงพ่อท่านให้เข้าทุกวัน นั่งทำวิชชาอยู่จนกระทั่งหลวงพ่อมรณภาพ

   ในโรงงานทำวิชชามีฝากั้นห้องฝั่งหนึ่งเป็นแม่ชี อีกฝั่งหนึ่งเป็นพระ เณร แล้วก็มีห้องหลวงพ่อเชื่อมอยู่ ท่านนั่งสั่งงาน ฝ่ายแม่ชีที่พอจำได้ก็มี ตรีธา ญาณี ทองแท้ แม่ชีฉลวย แม่ชีถนอม แม่ชีปุก แม่ชีทองสุข แม่ชีจันทร์ แม่ชีเธียร พระเณรก็มี หลวงพ่อเล็ก(มหาเจียก) ธีระธัมโม มหาณรงค์(นานๆทีเข้า) หลวงตาผัน หลวงตาอินทร์ หลวงตาแอบ หลวงตาใจ หลวงพ่อวีระ เณรก็มี เณรวัฒนา เณรรอด จะว่าไปคนที่จะเข้าโรงงาน ทำวิชชานั้นหายาก พวกมหาเปรียญก็ถือว่ามีความรู้ดี มีความรู้สูงแล้ว ไม่ไปนั่งหลับตาหรอก แต่หลวงพ่อสดท่านว่า ไอ้ความรู้ในกระดาษ มันก็พึ่งกระดาษ รู้ในกระดาษ มันก็พึ่งกระดาษ ท่านพูดว่า...ยันเต ภะคะวะตา ฌานะตา ปัสสะตา อาระหะตา สัมมา สัมพุทเธนะ เดี๋ยวท่านแปลให้แล้วยันเตภะคะวา พระผู้มีพระภาคเจ้าองค์ใด ฌานะตา รู้แล้ว ปัสสะตา เห็นแล้ว ทั้งรู้ทั้งเห็นเชียวนะ นี่พวกเรามันรู้ในกระดาษ เห็นในกระดาษ ได้ใบตราตั้งกระดาษ ได้ยศจากที่ในกระดาษก็ยังใช้ได้ ยังดีแต่ก็ดีแค่เปลือกๆ อืมม...ยันเต ภะคะวะตา พระผู้มีพระภาคเจ้าองค์ใด ฌานะตา รู้แล้ว ปัสสะตา เห็นแล้ว อะระหะตา สัมมา สัมพุทเธนะ เป็นพระอรหันต์เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาหลวงพ่อพูด พูดเป็นศัพท์ยกบาลีแปลเป็นคำศัพท์ มหาบุญมาประโยคเก้า มหาช่วงประโยคเก้า(สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์) มหาสว่างเล็ก ป.ธ. 9 มหาสว่างใหญ่ ป.ธ. 9 พากันอึ้ง หลวงพ่อเอาในท้องมาแปลให้เราฟัง เรามันแปลในกระดาษสู้หลวงพ่อไม่ได้


   (เรื่องเล่าโดย พระพุทธศาสนโสภณ (หลวงพ่อสุบิน) วัดหัวเขา บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 136 โดยสิงหล 13 ธ.ค. 58

 


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 136 โดยสิงหล 13 ธ.ค. 58

แม้ทุกวันนี้ก็ปฏิบัติอยู่นะ สกิทาคามรรค สกิทาคาผล หน้าตักกว้างสิบวา เกตุดอกบัวตูมใสเป็นกระจกคันฉ่องส่องเงาหน้า แต่ถ้าจะต่อก็ต่อได้ กายพระสกิทาคาหน้าตักกว้างสิบวา สูงสิบวา เกตุดอกบัวตูมใสมากขึ้น หยุดมากขึ้น นิ่งมากขึ้น สะอาดมากขึ้น ทับทวีใสเข้าศูนย์กลางกายพระสกิทาคา พอถูกส่วนก็เห็นดวงปฐมมรรคหยุดนิ่งกลางดวงปฐมมรรคเห็นดวงศีล หยุดนิ่งกลางดวงศีลก็เห็นดวงสมาธิ ทำให้ใสทุกดวง ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะใสทุกดวง เข้ากายพระอนาคามีหยาบ อนาคามีละเอียด หน้าตักกว้างขยายไปอีก กว้างสิบห้าวา สูงสิบห้าวา เกตุดอกบัวตูมใสทำหน้าที่แกะสังโยชน์อีกสองเปราะ กามราคะ ปฏิฆะ ถ้ามีแล้วมันร้อน ปฏิฆะความกระทบกระทั่งแห่งจิต ไปเจอรูปที่ไม่สวยไม่งาม ไม่ชอบก็เป็นทุกข์ ชอบก็เป็นทุกข์ พระสกิทาคาพึงละ 2 เปราะ กามราคะ ปฏิฆะ แห่งจิตหายไป สกิทาคาก็หยุดในหยุด นิ่งในนิ่ง กลางของกลางกลางของกลางซ้ายขวาหน้าหลังไม่ไปซ้อนอัดทับทวีให้ใสเข้าศูนย์กลางกายสกิทาคาละเอียดนิ่งหนักขึ้น ใสหนักขึ้น สว่างหนักขึ้น เข้าไปดวงวิมุตติญาณทัสสนะ ใสใสใสผ่านอีกทีเข้ากายอรหัตหยาบ อรหัตละเอียด ขยายหน้าตักยี่สิบวา สูงยี่สิบวา เกตุดอกบัวตูมใสเป็นกระจกคันฉ่องส่องเงาหน้า ทำหน้าที่แกะสังโยชน์อีกห้าเปราะ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน ชาติภพไม่มี ชาติไม่ติด ภพไม่ติด อวิชชาไม่มี ตัณหาไม่มี ไม่มีแล้ว ละได้หมดแล้ว กายอรหัตมรรค อรหัตผล หน้าตักกว้างยี่สิบวา สูงยี่สิบวา เกตุดอกบัวตูมใสพออยู่กายนี้แล้วใสหนักขึ้น สะอาดหนักขึ้นแล้ว หลวงพ่อมงคลเทพมุนีท่านก็ตรัสเรียกว่าอะหังอิติปิ ธรรมกาโย ตถาคโต เราตถาคตคือตัวธรรมกาย หน้าตักกว้างยี่สิบวา เกตุดอกบัวตูมใสเหมือนกระจกคันฉ่องส่องเงาหน้า อยู่ในกายพระอรหัต สูงสุดกว้าง สูงสุดใหญ่ สูงสุดยี่สิบวา เกตุดอกบัวตูมใสเหมือนกระจกคันฉ่องส่องเงาหน้า พระอรหัตทุกองค์ต้องทำบรรลุธรรมกายทุกองค์ เห็นทุกองค์ กว่าจะเห็นพระบาลี อะหังติปิ ธรรมกาโย ตถาคโต เหล่าตถาคตคือตัวธรรมกาย อยู่ในพระนิพพาน ส่วนกายเนื้อกายหนังของพระองค์ 80 ปี ก็เผาที่เมืองกุสินาราราชธานี กระดูกเป็นพระบรมสารีริกธาตุ สาธุชนนำไปบูชา ส่วนกายธรรมกายอยู่บนพระนิพพาน นี่หลวงพ่อมงคลเทพมุนีวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ท่านสอนอย่างนี้ ข้าพเจ้าเอง อาตมาเองตอนอยู่วัดปากน้ำ ก็เดินด้วย 18 กายอย่างนี้ อายุ 25 ปี อาตมาก็บรรลุธรรมกาย

(เรื่องเล่าโดย พระพุทธศาสนโสภณ (หลวงพ่อสุบิน) วัดหัวเขา บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)

โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 135 โดยสิงหล 12 ธ.ค. 58

 



โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 135 โดยสิงหล 12 ธ.ค. 58


   พระโสดาปฏิผล ห้าดวง เข้าไปอยู่ในกาย พระโสดาปฏิมรรค พระโสดาปฏิผล พระธรรมกายต้นๆของหลวงพ่อมงคลเทพมุนี วัดปากน้ำภาษีเจริญ หน้าตักกว้างห้าวา สูงห้าวา เกตุดอกบัวตูมใสเป็นกระจกคันฉ่องส่องเงาหน้า หยุดนิ่งในหยุด นิ่งในกลางของกลาง ของกลาง ซ้ายขวา หน้าหลังไม่ไป ซ้อนอัดทับทวีให้ใสละ

...

สักกายทิฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส สังโยชน์สามเปราะนี่ พระโสดาบันก็แกะออก หายไปแล้ว พระโสดาบันก็หยุดนิ่ง เข้าศูนย์กลางกายพระโสดาบัน พอหยุดนิ่งถูกส่วน ก็เห็นดวงปฐมมรรค ก็ผ่านดวงศีลดวงสมาธิ ดวงปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะห้าดวง ใส

...

พอธรรมกายใสหนักเข้า ก็เห็นกายสกิทาคาหยาบ สกิทาคาละเอียดหน้าตักกว้าง สิบวาสูงสิบวา เกตุดอกบัวตูมใสเป็นกระจก คันฉ่องส่องเงาหน้า ขยายหน้าตักจากพระโสดาบัน เป็นสกิทาคา หน้าตักกว้างสิบวา เกตุดอกบัวตูมใสเป็นกระจกคันฉ่องส่องเงาหน้า พระสกิทาคาก็ทำหน้าที่ละสังโยชน์สามเปราะ เช่นเดียวกับพระโสดาบัน แต่พระสกิทาคานั้นไม่มีราคะเสียแล้วนั้นตัดไป โทสะก็ตัดไปแล้วไม่มี โมหะก็ไม่มี ใสสว่างอยู่ในคุณธรรมของบุคคลที่สอง สกิทาคามรรค สกิทาคาผล


(เรื่องเล่าโดย พระพุทธศาสนโสภณ (หลวงพ่อสุบิน) วัดหัวเขา บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 134 โดยสิงหล 11 ธ.ค. 58

 


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 134 โดยสิงหล 11 ธ.ค. 58

   

     อาตมาพบหลวงพ่อสด ได้เพราะว่าได้ยินกิตติศัพท์ ร่ำลือคุณงามความดี อันมหาศาลของหลวงพ่อ อาตมาเดิมเป็นคนอำเภอ เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี เกิดเมื่อเดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2472 ได้ยินตั้งแต่สมัยบวชเป็นเณรปี พ.ศ. 2491 อายุ 18 แต่ยังไม่มีโอกาสได้ไป  

พ.ศ. 2492 สอบได้นักธรรมชั้นตรีที่ วัดใหม่สุวรรณภูมิ ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี แล้วก็เรียนนักธรรมชั้นโทต่อ ที่วัดใหม่สุวรรณภูมิ 

พ.ศ. 2493 บวชพระ โดยมีอุปัชฌาย์คือ หลวงพ่อแขก (พระครูเอนกคุณากร) ตอนนั้นอาตมายังสอบไม่ได้ชั้นเอก 

พ.ศ. 2495 ไปอยู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เหตุที่ไปได้เพราะ ร้อยโทแจ่ม ไรละรุจิ พาไปวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ก็ไม่รู้จักใครหรอก พาไปฝากหลวงพ่อเลย อาตมาก็กราบหลวงพ่อ แล้วบอกว่าต้องการจะมาเรียน ธรรมชั้นโท หลวงพ่อก็เรียกพระครูปัญญาภิรัติ แผนกต้อนรับ พระปกครองพระวัดปากน้ำ มารับเข้าบัญชี แล้วก็ส่งไปอยู่แผนกเนกขัมมะก่อน บังเอิญเนกขัมมะเต็ม คณะหลวงพ่อมีกุฏิว่างห้องหนึ่งก็เลยได้มาอยู่ใกล้ๆหลวงพ่อ

   อยู่กับหลวงพ่อแล้ว เช้าก็เรียนนักธรรมชั้นโท บ่ายเรียนบาลี พอห้าโมงเย็นก็เข้านั่งสมาธิ เรียนวิชชาธรรมกายทุกวันในโบสถ์ ส่วนตอนกลางคืนช่วงสองทุ่ม ถึงสองทุ่มครึ่งมีการนั่งเพิ่มเติมที่คณะอนาลัย คณะเนกขัมมะบ้าง คณะพระครูปัญญาภิรัติก็มี ต่อวิชชาธรรมกาย ให้เข้าศูนย์กลางกายหยุดนิ่ง ก็เห็นดวงปฐมมรรค หยุดนิ่งกลางดวงปฐมมรรค ผ่านไปเห็นดวงศีล เห็นดวงสมาธิ เห็นดวงปัญญา เห็นดวงวิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะใสใส ห้าดวงเข้าถึงกายหยาบมนุษย์ละเอียด ผ่านอีกห้าดวง เข้าถึงกายทิพย์หยาบ กายทิพย์ละเอียด เข้าถึงดวงศีล ดวงสมาธิ ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะใสๆ ห้าดวงเมื่อผ่านกายทิพย์แล้วก็เข้าไปกายพรหมหยาบ พรหมละเอียด เข้าดวงศีล ดวงสมาธิ ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะใสๆ ในกลางอรูปพรหมหยาบ อรูปพรหมละเอียด ก็ผ่านเข้ากายอรูปพรหมหยาบ อรูปพรหมละเอียด ถึงกายอาฬดาบส อุทกดาบส กาลาโคตร ผ่านดวงศีลดวงสมาธิ ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ เข้าไปในกายโคตรภูธรรมหยาบ โคตรภูธรรมละเอียด ผ่านห้าดวง เข้าไปอยู่ในกายพระโสดาปฏิมรรค พระโสดาปฏิผลหน้าตักกว้างห้าวา สูงห้าวา เกตุดอกบัวตูมใสเป็นกระจกคันฉ่องส่องเงาหน้า เข้าไปอยู่ในดวงปฐมมรรค หยุดนิ่งกลางดวงปฐมมรรคเห็นดวงศีล หยุดนิ่งกลางดวงศีลเห็นดวงสมาธิ หยุดนิ่งกลางดวงสมาธิเห็นดวงปัญญา หยุดนิ่งกลางดวงปัญญาเห็นดวงวิมุตติ เห็นดวงวิมุตติญาณทัสสนะใสๆห้าดวง เข้าไปอยู่ในกายพระโสดาปฏิมรรค


   (เรื่องเล่าโดย พระพุทธศาสนโสภณ (หลวงพ่อสุบิน) วัดหัวเขา บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 133 โดยสิงหล 10 ธ.ค. 58

 


โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 133 โดยสิงหล 10 ธ.ค. 58


   สมัยก่อนการทำอาหาร เมนูจะขึ้นอยู่กับวัตถุดิบ ที่มีคนมาถวาย แต่สมัยนี้เงินดีขึ้น ก็จะทำตามที่เจ้าภาพ แจ้งเมนูมาให้ หลวงพ่อไม่ค่อยออกไปฉันนอกวัด ยกเว้นผู้มีอุปการคุณกับวัด หรืองานสำคัญ ที่เขานิมนต์ไป ท่านถึงจะไป ครั้งสุดท้ายที่หลวงพ่อไปจำได้ว่า เป็นงานของจอมพลถนอม กิตติขจร ซึ่งเป็นลูกเขยของหลวงจบฯ นิมนต์ไป หลวงพ่อต้องเดินไป ที่วัดขุนจันทร์ สะพานหัน เพราะถนนยังมาไม่ถึงวัด ตอนนั้นหลวงพ่อเริ่มอาพาธบ้างแล้ว แต่เพราะมีอุปการคุณกัน จึงต้องไป

   หลวงพ่อสดบอกสมเด็จโพธิ์ ตอนนั้นยังไม่เป็น สมเด็จพระสังฆราช ท่านบอกว่า ต่อไปจะได้เป็นใหญ่ที่สุดในสงฆ์ แต่สมเด็จวัดโพธิ์ไม่เชื่อ หลังจากหลวงพ่อสดสิ้นไปแล้ว พอปีที่ท่านได้เป็นสมเด็จพระสังฆราช ท่านก็มากราบหลวงพ่อ บนหอหลวงพ่อ ที่วัดปากน้ำ มีอยู่ครั้งหนึ่งช่วงหลวงพ่ออาพาธ วันนั้นสมเด็จวัดโพธิ์ จะมาเยี่ยมหลวงพ่อสด แต่นั่งรถรับจ้างมา หลวงพ่อสดบอกให้พระเณร ตั้งแถวต้อนรับ พอรถรับจ้างมาถึง ท่านก็งงว่าใครบอกว่าจะมา พระเณรบอกว่า หลวงพ่อสดบอกว่า วัดโพธิ์จะมา ให้มาคอยต้อนรับ สมเด็จวัดโพธิ์เชื่อมั่น ศรัทธาหลวงพ่อสดมาก เพราะมีฌานวิเศษ หยั่งรู้ล่วงหน้าได้

หลวงพ่อสดท่านจะรัก สมเด็จช่วงมาก เวลาใครเอาทุเรียน มาถวายหลวงพ่อ หลวงพ่อจะจับพลูที่สวยๆ แล้วบอกว่าให้เอาไป ให้ท่านช่วง ซึ่งตอนนั้นท่านช่วงยังเป็นพระหนุ่ม อายุยังไม่มาก ยังไม่ได้เป็นสมเด็จ แล้วท่านบอกว่าฉันแล้วดี ต่อไปจะได้เป็นสมภาร แล้วก็จริงตามที่ท่านพูดไว้ ส่วนพลูที่ไม่สวย หลวงพ่อเอาไว้ฉันเอง เวลาหลวงพ่อสอนธรรมะ ท่านจะพูดเสมอว่า “เรียนแล้ว ต้องเรียนให้เก่งกว่าครู”


(เรื่องเล่าโดย แม่ชีธัญญาณี สุดเกตุ บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม 2)